22 เมษายน 2567…SD Perspectives ร่วมสัมภาษณ์ผู้บริหาร Braskem ผู้เล่นรายสำคัญระดับโลกในอุตสาหกรรมไบโอโพลีเอทิลีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีความต้องการมากขึ้นทั่วโลก โดยการร่วมทุนกับ SCG Chemicals ก็เพื่อขยายการส่งออกได้มากขึ้น เพราะไบโอโพลีเมอร์ของ Braskem ช่วยลด CO2จากชั้นบรรยากาศ และในอนาคตจะมีรัฐบาลจำนวนไม่น้อย พยายามจะตั้งภาษีต่อการปล่อย CO2
Walmir Soller, VP Olefins/Polyolefins Europe and Asia and CEO @ Braskem Netherlands BV ซึ่งทำงานกับองค์กรแห่งนี้มานานถึง 23 ปี ได้ฉายภาพ Braskem ผู้เล่นรายสำคัญระดับโลกในอุตสาหกรรมไบโอโพลีเอทิลีน มีโรงงานผลิตในบราซิล เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี และวางแผนที่จะขยายสู่ประเทศไทยโดยร่วมมือกับ SCG Chemicals
“Braskem มีการผลิตในบราซิลเป็นหลักและมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก กำลังการผลิตไบโอโพลีเอทิลีนของ Braskem เพิ่มขึ้นจาก 200,000 เป็น 260,000 ตันต่อปี และเมื่อเร็ว ๆ นี้ Braskem ได้ผลิตแบรนด์ I’m green™ ที่เป็นไบโอโพลีเอทิลีนใช้วัตถุดิบไบโอแมสที่สามารถรีไซเคิล สามารถใช้เทคนิคที่เรียกว่าคาร์บอนเรตติ้งซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้วัดอายุของไดโนเสาร์ วัดอายุของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของเรา เป็นคาร์บอนใหม่ ไม่ใช่คาร์บอนที่มาจากน้ํามันหรือคาร์บอนที่มาจากแก๊ส ในกระบวนการทั้งหมดก็เป็นตามเป้าหมายของเราจะลดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโดยการใช้ไบโอเบส แมททีเรียล ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องของการลดขยะพลาสติกด้วย”
ทั้งนี้ โมเดลที่ใช้ในประเทศบราซิลตลอด 14 ปีที่ผ่านมา จะใช้เอทานอลจากอ้อย แล้วเข้าสู่กระบวนการทางเคมี ซึ่งจะเป็นส่วนประกอบหลักเลยของพอลิเมอร์หรือว่าพลาสติกชีวภาพ Braskem ตั้งใจที่จะใช้โมเดลเดียวกันนี้ในประเทศไทยด้วย หลังจาก ตั้งบริษัทร่วมทุนกับ SCG Chemicals ในชื่อ Braskem Siam ตั้งเป้าผลิตไบโอเอทิลีน 200,000 ตันต่อปีในประเทศไทย จะมีโรงงานอยู่ที่มาบตาพุด โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวนี้จะรองรับตลาดเอเชีย และเป็นศูนย์กลางการส่งออกไปยังยุโรปและอเมริกา
“Braskem เล็งเห็นว่าประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย นอกจากอ้อยก็มีมันสำปะหลังจำนวนมาก ซึ่งเราจะมีการวิเคราะห์พืชตัวนี้ต่อไป พร้อมกันนี้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในการขยายอุตสาหกรรมในเอเชียและสามารถสนับสนุนตลาดโลกได้ สำหรับ Braskem Siam มีเป้าหมายที่จะใช้โมเดลบราซิลในประเทศไทยเพื่อรองรับตลาดเอเชียและเป็นศูนย์กลางการส่งออกไปยังยุโรปและอเมริกา”
SD Perspectives ถามถึงเรื่องราคาสินค้าแนวชีวภาพมักจะมีราคาสูงมักจะเป็นต้นทุนให้กับบริษัทลูกค้า Walmir Sollerอธิบายเรื่องนี้ว่า
“เป็นคําถามที่ดีมากนะครับ เพราะว่าเรื่องนี้ในเราก็มีการคุยกันในหลายที่เลย มีคําถามลักษณะนี้ด้วย ขอตอบว่าเราเป็นผู้ผลิตไบโอโพลีเมอร์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูงที่สุดแล้วในตอนนี้ และเราเมื่อเปรียบเทียบกับไบโอโพลีเมอร์อื่น ๆ นะครับเราเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพการแข่งขันสูงที่สุด เราไม่ได้เปรียบเทียบกับไบโอโพลีเมอร์ที่มาจากฟอสซิล เพราะจะไม่สามารถแก้ปัญหา Climate Change ได้”
Walmir Soller ขยายความต่อเนื่อง ในอนาคตจะมีรัฐบาลมากขึ้น ที่พยายามจะตั้งภาษีต่อการปล่อย CO2 เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์ที่มาจากฟอสซิลจะต้องรวมถึงต้นทุนของการปล่อย CO2 เข้าไปด้วย
“ลูกค้าของเราเป็นแบรนด์ระดับโลกที่สนใจในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของตัวเองด้วย เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็คือจุดที่เราเปรียบเทียบแล้ว เราก็มีความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดในไบโอโพลีเมอร์”
Walmir Soller กล่าวในท้ายที่สุด จาก Roadmap to Plastic ของอียู เป็น Roadmap to Net Zero ของพลาสติกในอียู มีการประเมินว่า จะให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ในปี 2050 เฉพาะอียูต้องใช้ไบโอโพลีเอทิลีนที่ผลิตจากไบโอแมสถึง 11 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมาก
