NEXT GEN

เด็กของเรา มีอะไรจะพูดกับทุกคน !

14 ตุลาคม 2561…บนเวที Sustainable Brand Bangkok 2018 วันแรก Speaker อายุน้อยที่สุดคือ 15-16 ปี ในฐานะเป็นเยาวชน อยากจะกระตุ้นให้ทุกคนทุกวัย “ลงมือทำ” รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ “พูดอย่างเดียว”

อเล็กซ์ เรนเดล นักแสดง และเจ้าของ EEC Thailand เป็นหนึ่ง ใน Speaker ได้แลกเปลี่ยนมุมมองบนเวที SB’18 BKK และอยู่ใน Workshop & Breakout Session ในหัวข้อ Redesigning the Good Waste ของวันที่ 12 ตุลาคม ซึ่งจากประสบการณ์เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยองค์ความรู้เชิงลึก ทำงานค่ายด้านให้การศึกษากับเด็กและเยาวชน รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กอย่างสนุกสนานตลอดระยะ 3 ปีครึ่งของการก่อตั้ง EEC Thailand มีเด็กๆ มากมายผ่านค่ายอนุรักษ์จนกระทั่งเป็นหนึ่งในทีม “อนุรักษ์ปลาวาฬ” ด้วยวัยเพียง 15-16 ปี ซึ่งได้มาบอกว่า  “เด็กของเรา มีอะไรจะพูดกับทุกคน !” ท่ามกลางผู้เข้าร่วมประชุมนานาชาติ

Lady First Miya Limpi Angkanan วัย 15 ปี

ตอนเด็กๆ เห็นเรื่องธรรมชาติผ่านครูที่สอน ฝันตลอดอยากดำน้ำ อยากเห็นสัตว์หน้าตามหัศจรรย์ทั้งหลาย ทุกวันนี้หนูอายุ 15 ปี ยังไม่เห็นสัตว์สวยๆในฝัน ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนพูดตลอดว่า โลกจะเปลี่ยนปีค.ศ.2020 โลกจะดีขึ้น สัตว์จะปลอดภัย…

แต่ว่าอะไรเปลี่ยนไป ท่านและเราทำอะไร ในการที่จะช่วยรักษาสัตว์เหล่านี้ได้

หนูเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญของอีอีซี เป็นผู้นำในการอนุรักษ์ฉลามวาฬ หนูพูดกับคนเยอะมากว่าทำไมถึงเข้าร่วมโครงการนี้ การพูดง่ายกว่าทำอยู่แล้ว พูดนี่พูดอะไรก็ได้ แต่การที่จะลงมือทำนี่ยากกว่า สิ่งที่ความคิดหนูเปลี่ยนคือ เราต้องการธรรมชาติ แต่ธรรมชาติไม่ต้องการเรา ดังนั้นทำไมเราปฏิบัติต่อธรรมชาติประหนึ่งว่าเราได้มาซึ่งธรรมชาติ ซึ่งเราไม่เคยทำอะไรถูกเลย ที่เราเป็นแบบนี้ โลกเจอสภาพเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และโลกกำลังจะดับสิ้น ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มนุษย์ต่างหากจะเป็นฝ่ายสูญพันธุ์

ดังนั้น การร่วมกับอีอีซี เปลี่ยนชีวิตหนูโดยสิ้นเชิง หนูเปลี่ยนไปเป็นคนที่ดีขึ้น หนูคิด และคิดถึงอนาคต อะไรที่หนูทำ หนูจะคิดถึงผลกระทบต่ออนาคต

ตามมาด้วยน้องเล็ก วัย 16 ปี Tor Panlerd B

อีอีซีไม่ใช่องค์กรทางการศึกษา แต่เป็นกระบวนการ เรียนรู้โดยนำเสนอองค์ความรู้ไม่ว่าจะเสนอเรื่องอะไร เป็นกระบวนการเรียนรู้ระดับจิตใจ เราจึงมีแรงจูงใจในการทำอะไรก็ตาม ก็ไม่กลัว เช่นการมายืนพูดตรงนี้ ไม่กลัว แตกต่างจากอดีตถ้ามายืนพูดแบบนี้เกร็ง และกลัวตลอดเวลา

ใครจะไปรู้ว่า บางกะเจ้าซึ่งเป็นจุดสีเขียวจุดเดียวในแผนที่ดาวเทียมกทม. อาจจะหายไปใน 50 ปีข้างหน้า แต่ถ้าเราสามารถที่จะให้ความรู้ สามารถที่จะสอดแทรก การเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สำหรับเด็กๆ ที่บางกะเจ้าในอนาคต ซึ่งเราจะมีผู้นำที่สามารถตัดสินใจได้ถูกต้อง ซึ่งจะมุ่งเน้นการรักษาพื้นที่สีเขียวตรงนี้ไว้…

จะให้เพื่อนชื่อพุธมาพูดเรื่องความเชื่อของเรา เกี่ยวกับเรื่องการให้การศึกษาสิ่งแวดล้อม

ปิดท้ายด้วย Put Pantrat วัย 15 ปี

พวกเรารู้อยู่แล้วว่าสัตว์ตัวไหนกำลังจะสูญพันธุ์ เพราะสิ่งที่พวกเรากระทำกัน แต่ในหลายกรณี คนก็เลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย ซึ่งรวมถึงเด็กๆ หลายคนด้วย ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ผมมองว่า กลัวที่จะล้มเหลว กลัวว่าแม้เราพยายามมากที่สุดแล้วจะไม่เกิดผลอะไร

ความกลัว ความล้มเหลวมันจำกัดศักยภาพของเรา ศักยภาพที่เราจะทำอะไรได้ในฐานะที่เป็นกลุ่มเป็นสังคม

ผมและเพื่อนๆ มากันไกล ตอนเป็นเด็กๆ ไปเข้าโครงการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ก็บอกว่าโอเคโอเคไปไป ไปเรียนสิ่งแวดล้อมแล้วไปเดินป่าสักนิด หลังเข้าอีอีซี อีก 8 ปีต่อมา เราอยู่ที่ไหน เรากล้ามายืนพูดต่อหน้าผู้ใหญ่มากมาย หลายคน และเราได้ผ่านสิ่งที่เรารู้แล้วว่าพวกเราสามารถทำได้ และเมื่อก่อนเรามองว่าเป็นสิ่งที่ไกล เป็นขีดจำกัด

วันนี้เรามีโครงการต่อสู้กับการจะสูญพันธุ์ของสัตว์ การที่เรามาไกลขนาดนี้ เราจะไม่หยุดโครงการนี้ จนกว่าเราจะประสบความสำเร็จ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราทำงานแล้วประสบความสำเร็จ เราไม่รู้ เพราะในฐานะที่เป็นมนุษ์ เราก็จะทำอะไรที่สะดวกสบายไว้ก่อน และสิ่งที่เราทำจะส่งผลกระทบต่อสรรพชีวิตที่แบ่งปันโลกนี้กับเรา

ในฐานะเป็นเยาวชน อยากจะกระตุ้นให้ทุกคนรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ว่าเป็นเส้นทางดีสำหรับการอนุรักษ์

….เสียงปรบมือจากผู้ใหญ่ที่ร่วมประชุมดังขึ้นพร้อมกัน หลังจากเยาวชนทั้งสามแสดง “มุมมองด้านสิ่งแวดล้อม” และผู้ใหญ่คนไทยหลายคนก็มีความหวังจากแรงผลักดันที่จะเกิดจากเยาวชนได้

Put และ Tor เล่าให้ฟังเพิ่มเติม ถือเป็นคำยืนยันว่า EEC ของพี่อเล็กซ์ ช่วยเปลี่ยนแนวคิดและ Lifestyle ทั้งคู่อย่างแท้จริง !!

“ตอนแรกผมติดเกมส์ไม่อยากออกจากบ้าน แต่เมื่อไปค่าย แล้วชอบมาก ตอนนี้เป็นไปโดยอัตโนมัติเลย ที่อยากให้คนอื่นๆ รักษาสิ่งแวดล้อมเหมือนกับเรา”

สำหรับ Tor บอกว่า ตอนนั้นไม่ได้สนใจว่าต้องอนุรักษ์ธรรมชาติ ก็แค่เป็นเด็กธรรมดา ตอนแรกๆ เข้าค่ายเพราะว่ามันสนุก เมื่อไปค่ายที่ยากขึ้นๆ เราก็ได้เห็นสัตว์ที่มากมาย และเราไปหลายที่ก็เริ่มที่ความจำเป็นที่จะต้องอนุรักษ์

“สิ่งที่อยากบอกเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันว่า อย่าคิดว่าอายุน้อยแล้วจะทำอะไรไม่ได้ คืออายุน้อยก็ถือเป็นการได้ฝึกตั้งแต่เด็ก ในอนาคตเมื่อได้เป็นคนตัดสินใจแล้ว ก็สามารถที่จะติดสินใจให้มีความยั่งยืนในสิ่งที่เราทำ สมมติทำธุรกิจของตัวเองก็สามารถยั่งยืนได้”

Put กล่าวในท้ายที่สุดว่า น้องๆหลายคนตัวเล็กกว่าเรา 5 ขวบยังมีเลย ก็มาเรียนไปค่ายเหมือนเรา ซึ่งน้องๆ ก็มีความคิดเหมือนๆ เราแล้ว ซึ่งเขาจะโตขึ้นมาพร้อมกับการรักธรรมชาติ อย่างที่พวกเรารักธรรมชาติ

“สัตว์ธรรมชาติมีมากมายที่เราควรรู้จัก หากสูญพันธุ์ไปจะมีผลต่อเราด้วย เรื่องราวของการรักษาสิ่งแวดล้อม ตอนนี้อยู่ใน Lifestyle ของพวกเรา”

Cr.ภาพ EEC Thailand

เรื่องเกี่ยวข้อง

You Might Also Like