NEXT GEN

SCGC x OXFORD เปิดทุน 1 ล้านปอนด์ วิจัยเชิงพาณิชย์แบบ Open Innovation เพื่อลด GHG

20 ธันวาคม 2566…เมื่อไม่นานมานี้มีข้อมูลที่ระบุว่า เงินระดมทุนสำหรับเทคโนโลยีที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Technology คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสี่ของเงินทุก ๆ ดอลลาร์ที่ลงทุนในปี 2565 โดยเม็ดเงินที่ลงทุนใน Climate Tech อยู่ราว 5.2-6.9 แสนล้านบาท นั่นแสดงให้เห็นว่าวิกฤตของโลกหนักหนาและจำเป็นต้องใช้ทุกวิถีทางที่จะเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมรวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อกอบกู้โลก

เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ผู้นำตลาดเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับภูมิภาค และผู้นำธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืน จึงร่วมกับ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ สถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลกเปิดตัวโครงการทุนวิจัย SCGC-FIRST : SCGC Fund for Innovation and Research in Sustainability and Technology ซึ่งเป็น “ทุนเพื่อพัฒนานวัตกรรมและการวิจัยด้านความยั่งยืนและเทคโนโลยี” จำนวน 1 ล้านปอนด์ หรือกว่า 44 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้เกิดการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และวัสดุพลาสติกเพื่ออนาคต ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนตามแนวทาง ESG (Environmental, Social and Governance) ของ SCGC โดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดจะทำหน้าที่คัดเลือกผู้รับทุนจากโครงงานของนักศึกษาที่สนใจ

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “SCG มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ ผ่านการพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การรับมือกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข เพื่อส่งมอบโลกที่น่าอยู่ให้คนรุ่นต่อไป การร่วมมือกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในครั้งนี้ จะช่วยผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างความสมดุลที่ยั่งยืนเพื่อโลกในอนาคต”

ศาสตราจารย์ ชาดส์ บุนตรา รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรม มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อธิบายเสริมว่า SCG และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้ร่วมขับเคลื่อนผลงานด้านวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอด 12 ปีที่ผ่านมา

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส,ดร.สุรชา อุดมศักดิ์ และศาสตราจารย์ ชาดส์ บุนตรา (ภาพล่าง)

“นับตั้งแต่การก่อตั้งศูนย์ SCG – University of Oxford Centre of Excellence เมื่อปี 2554 สำหรับการสนับสนุนทุนวิจัย SCGC-FIRST เป็นการตอกย้ำการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามกลยุทธ์ของ SCGC อีกทั้งการผสานความเชี่ยวชาญในด้านปิโตรเคมีของ SCGC จะช่วยขับเคลื่อนผลงานวิจัยและโครงการด้าน ESG ให้เกิดขึ้นได้จริงอย่างรวดเร็ว”

ทั้งนี้ ดร.สุรชา อุดมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานนวัตกรรม และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวเพิ่มเติมว่า

“SCGC ให้ความสำคัญและผลักดันการวิจัยเชิงพาณิชย์ในรูปแบบ Open Innovation มาอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดกว้างให้เกิดความร่วมมือด้าน R&D ระหว่าง SCGC กับเครือข่ายต่าง ๆ อาทิ ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดึงศักยภาพของแต่ละภาคส่วนมาร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคต และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเร่งให้เกิดสินค้าและบริการ รวมทั้งโซลูชันเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ และเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน สำหรับขอบเขตโครงการวิจัยทุน SCGC-FIRST ประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่ การการลดพลังงานและคาร์บอน การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และวัสดุพลาสติกเพื่ออนาคต”

นอกจากความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในการก่อตั้งศูนย์ SCG – University of Oxford Centre of Excellence เมื่อปี 2554 แล้ว SCGC ยังได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำในประเทศอีกหลายแห่ง เช่น ศูนย์วิจัย SCG – Chula Engineering Research Center ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2558 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ด้านอุตสาหกรรม SCG-MUSC Innovation Research Center ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2562 เพื่อต่อยอดพัฒนาพอลิเมอร์ชนิดพิเศษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เพราะปัญหา “โลกเดือด” ไม่สามารถแก้ไขได้โดยลำพัง ความร่วมมือระหว่าง SCGC และสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในและต่างประเทศถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังและเร่งรีบที่จะช่วยบรรเทาปัญหาของโลกนี้

 

You Might Also Like