NEXT GEN

SCGP ซื้อกิจการ Peute ธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ในยุโรป เสริมแกร่งธุรกิจบรรจุภัณฑ์

18 กรกฎาคม 2565…Peute เป็นผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์และผู้จำหน่ายวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลและพลาสติกรีไซเคิลรายใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ เพิ่มความสามารถจัดหาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล 1 ล้านตันต่อปี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ การผลิตสินค้าทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ตลอดจนธุรกิจโซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และรองรับความต้องการบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนที่สูงขึ้นของลูกค้าและผู้บริโภค หนุนการนำเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการรีไซเคิลในอาเซียน

วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงานตามกลยุทธ์ระยะยาวของ SCGP ให้มีความแข็งแกร่งของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ตลอดทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ล่าสุด ได้เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 100 ใน Peute Recycling B.V. (Peute) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ ทั้งกระดาษและพลาสติกรายใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยการเข้าซื้อหุ้นข้างต้นดำเนินการสำเร็จเรียบร้อยแล้ว

SCGP ได้ชำระเงินสำหรับการเข้าถือหุ้นร้อยละ 100 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 78.19 ล้านยูโร หรือประมาณ 2,875 ล้านบาท ธุรกรรมข้างต้นเป็นการดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด โดย SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Peute ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 นับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการขยายการลงทุนในภูมิภาคยุโรปในรูปแบบ Merger & Partnership (M&P)

Peute เป็นบริษัทรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์และซื้อขายกระดาษและพลาสติกเพื่อรีไซเคิลรายใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ ดำเนินธุรกิจและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี มีรายได้ 249 ล้านยูโร (ประมาณ 9,160 ล้านบาท) และกำไร 3.2 ล้านยูโร (ประมาณ 120 ล้านบาท) รวมถึงมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปีที่ผ่านมา 52 ล้านยูโร (ประมาณ 1,930 ล้านบาท) สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของการดำเนินงานที่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความท้าทายด้านเศรษฐกิจในทวีปยุโรป Peute มีความสามารถจัดหาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล 1 ล้านตันต่อปี และจัดหาพลาสติกรีไซเคิล 1 แสนตันต่อปี ปัจจุบันโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองดอร์เดรชท์ และมีแผนจะย้ายโรงงานไปยังเมืองอัลบลาสเซอร์ดัม ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือรอตเตอร์ดัม เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มความสามารถจัดหากระดาษและพลาสติกรีไซเคิลได้อีกเท่าตัว และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น (รายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์ www.peute.nl)

ธุรกิจของ Peute

บริษัทฯ มั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพให้ SCGP สามารถขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้ และจะเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญต่อกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาว สร้างความแข็งแกร่งด้านการจัดหาวัตถุดิบเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์ทุกกลุ่ม ทั้งด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์ต้นน้ำ ปลายน้ำ และการบูรณาการภายใน เพื่อนำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร

“การลงทุนดังกล่าวยังสอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้วัสดุรีไซเคิลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง จากความสามารถในการจัดหากระดาษและพลาสติกรีไซเคิลที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้ จะทำให้ SCGP สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้าและผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และโมเดลการบริการจัดการวัสดุเหลือใช้จาก Peute มาช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนด้วย” วิชาญกล่าว

ทั้งนี้ SCGP มีการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายและครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ โดยปัจจุบัน SCGP มีความต้องการใช้วัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลประมาณ 4.4 ล้านตันต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกตามแผนงานขยายกำลังการผลิตในอนาคต ดังนั้น การลงทุนครั้งนี้จะเพิ่มความสามารถการแข่งขันให้กับ SCGP จากการมีเครือข่ายจัดหาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลเพิ่มขึ้นและครอบคลุม โดยช่องทางในปัจจุบันประกอบด้วย ศูนย์จัดการวัสดุรีไซเคิลของ SCGP การจัดเก็บโดยตรงจากแหล่งวัตถุดิบหลักและคู่ค้าท้องถิ่น รวมถึงแหล่งวัตถุดิบนำเข้าที่หลากหลาย ทั้งจากสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป ประเทศญี่ปุ่น และโอเชียเนีย

SCGP  ตอบสนองความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน โดยนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ตลอดจนให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตรวม 56 แห่ง ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย สหราชอาณาจักร และประเทศสเปน

 

You Might Also Like