NEXT GEN

เนสท์เล่ ประเทศไทย ประกาศ Roadmap สู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

31 ตุลาคม 2564…ขับเคลื่อนคำมั่นสัญญาสากลของเนสท์เล่ เร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ด้วยการดูแลและฟื้นฟูระบบอาหารด้วยมิติความยั่งยืนใน 4 ด้าน

วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า

“วันนี้โลกของเราต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้อาหารที่มีคุณภาพและโภชนาการที่ดีอาจมีไม่เพียงพอและไม่สามารถเข้าถึงได้ เราต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วน และนี่จึงเป็นเหตุผลที่เนสท์เล่ได้กำหนดแผนงานด้านความยั่งยืนในประเทศไทย และจะดำเนินงานครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่า เพื่อให้เกิดการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน เพื่อประเทศไทยและโลกที่ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป”

ทั้งนี้ เนสท์เล่ ประเทศไทยได้กำหนดแผนงานด้านความยั่งยืนใน 4 ด้านหลัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต เพื่อผลักดันเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ให้สำเร็จลุล่วง อันได้แก่

1.บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
(Sustainable Packaging)

เนสท์เล่ ประเทศไทยมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตปลอดขยะให้คนรุ่นต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเนสท์เล่ระดับโลกในการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% และลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลง 1 ใน 3 ภายในปี 2025 ซึ่งในปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์ของเนสท์เล่ในไทยกว่า 90% สามารถนำไปรีไซเคิลได้

เนสท์เล่ ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น หลอดกระดาษโค้งงอได้ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ UHT ซึ่งทดแทนการใช้หลอดพลาสติกกว่า 500 ล้านหลอดในปี 2021 บรรจุภัณฑ์แบบ Monostructure ที่ผลิตจากพลาสติกประเภทเดียวกัน และสามารถนำไปรีไซเคิลได้เป็นครั้งแรกของโลก บรรจุภัณฑ์ภายนอกแบบกระดาษ ซองไอศกรีมแบบกระดาษโดยไม่มีการเคลือบพลาสติกครั้งแรกในธุรกิจไอศกรีมในประเทศไทย และ กาแฟกระป๋องอะลูมิเนียม 100% ซึ่งสามารถรีไซเคิลได้ นอกจากนี้ ยังลดปริมาณการใช้พลาสติกผลิตใหม่ในการผลิตขวดน้ำดื่ม และพลาสติกหุ้มแพคอีกด้วย ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้บริษัทสามารถลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ได้ถึง 470 ตันภายในปี 2021

2.การดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
(Water Stewardship)

เนสท์เล่มุ่งดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนทั้งในโรงงานและชุมชนรอบข้าง ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาได้ลดการใช้น้ำในโรงงานได้ 4.8% ต่อค่าเฉลี่ยของการผลิตผลิตภัณฑ์ 1 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2018

โรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ 2 แห่ง คือโรงงานอยุธยา และสุราษฎร์ธานี ยังเป็นรายเดียวในประเทศไทยที่ได้การรับรองมาตรฐานการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนระดับสากลจาก Alliance for Water Stewardship (AWS) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานระดับโลกในการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และรับรองบริษัทที่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่ออนุรักษ์แหล่งน้ำที่ใช้ร่วมกันและมีการร่วมมือกับชุมชน

3.การจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน
(Sustainable Sourcing)

การจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนคือสิ่งที่เนสท์เล่ ประเทศไทยให้ความสำคัญเสมอมา เพื่อช่วยปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พร้อมกับส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ความเชี่ยวชาญและให้การสนับสนุนให้มีผลผลิตอย่างยั่งยืน โดยในประเทศไทย เนสท์เล่ได้ใช้น้ำนมวัวและเมล็ดกาแฟโรบัสต้า ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน 100%

4.ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(Carbon Reduction)

เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตและการขนส่งสินค้า เนสท์เล่ ประเทศไทยได้นำร่องใช้รถพลังงานไฟฟ้าในการขนส่งผลิตภัณฑ์คิทแคทแบบควบคุมอุณหภูมิ รถสามล้อไฟฟ้าขายไอศกรีมเนสท์เล่ รวมถึงตั้งเป้าเปลี่ยน 41% ของกลุ่มรถยนต์ผู้บริหารให้เป็นรถยนต์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลงภายในปี 2022 นอกจากนี้ บริษัทยังริเริ่มใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในโรงงานและกระบวนการผลิต เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายในการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025

นอกจากนั้น เนสท์เล่ยังได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการใช้พลังงานและน้ำ รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยแนวคิด 3R คือ Reduce, Rethink, Replace และในปัจจุบันโรงงานทุกแห่งของเนสท์เล่ไม่มีขยะฝังกลบ

“จากการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมตามแผนงานด้านความยั่งยืนทั้ง 4 ด้าน เรามั่นใจว่าเนสท์เล่ ประเทศไทย จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ภายในปี 2025 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ได้ในปี 2050”

วิคเตอร์กล่าวในท้ายที่สุด ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับเส้นทางการดูแลและฟื้นฟู หรือ Regeneration ของเรา โดยมุ่งยกระดับการดำเนินธุรกิจที่มากกว่า “การไม่ทำร้ายโลก” สู่ “การดูแลและฟื้นฟู” เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และส่งผลดีต่อระบบอาหารในวงกว้างทั้งระบบนิเวศ เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกร และพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชน เพื่อสร้างโลกที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป

 

You Might Also Like