TALK

ขอให้ “ความสุข” และ “สิ่งที่รัก” ไม่สูญหาย ไปในระหว่างทาง : พิม 1991

15 มีนาคม 2562…เคยรู้ตัวไหมว่า “ความรู้สึกเศร้ายังมีในใจลึกๆ แม้ว่าขณะนั้นกำลังสุขสุดอยู่ก็ตาม” เช่นเดียวกับ “การรู้สึกถึงความไม่ชัดเจน ในความสัมพันธ์แบบต่างๆ ที่ได้รับ” โดยคนที่รู้ตัวแล้ว 720,000กว่า Like บนเพจ1991… ความรู้สึกเหล่านี้ เกิดบนสื่อโซเชียลที่เปิดโอกาสให้ทุกคน

คนวัย 40 กว่าปีขึ้นไป มักจะนึกถึงรูปแบบตามกรอบที่ได้เรียนรู้มา และจากประสบการณ์การทำงานมานานระยะหนึ่ง มีข้อมูลทางวิชาการ ฯลฯ แล้วทั้งหมดจะถูกกลั่นกรอง จึงจะสามารถถ่ายทอด หรือสื่อสาร หรือสร้างแรงบันดาลใจเรื่องราวเหล่านั้นให้กับคนอื่นๆ ได้

แต่ในยุคสื่อโซเชียลวันนี้ เรื่องที่กล่าวข้างต้นนั้น คือมุมมองแบบเดิมๆ ทั้งสิ้น !

สื่อโซเชียลเปิดโอกาสสร้างไลฟ์สไตล์ใหม่ ทำให้คนจำนวนไม่น้อย อายุน้อยๆ ก็สามารถที่จะใช้ช่องทางนี้ผ่าน “เพจ” ส่งต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึกโดนใจ หรือขยี้ในอารมณ์ ความรู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ รักๆ รวมทั้งการสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับคนจำนวนหนึ่งที่ “โดน”กับข้อความสั้นๆใต้ภาพ

1 ในเจ้าของเพจที่นั่งอยู่ตรงหน้า คือ พิมพรรณ มีชัยศรี หรือ “พิม” วัย 27 ปี เจ้าของเพจ 1991 ซึ่งมีคนในวัย 16-30 ปี ที่มากด Like เพจ 1991 ยอดอยูที่ประมาณ 720,000 Likes ล้วนมีอารมณ์เศร้าลึกๆ แม้จะสุขสุดก็ตาม

ระหว่างที่นั่งคุยกันที่ โฮมสเตย์ อุ่นไอใบเมี่ยง บ้านสกาด อ.ปัว จ.น่าน พื้นที่บนดอยอากาศดีมากๆ เป็นบรรยากาศที่ “เปิดรับมุมมองวิธีคิดของคนรุ่นใหม่” ซึ่งจบคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อ 4 ปีที่แล้ว แล้วรุ่นพี่ทำงานในค่ายผู้จัดการบอกให้ลองไปสมัครเป็นนักข่าว แม้จะไม่แน่ใจนัก แต่พิมก็เป็นนักข่าวมาแล้ว 4 ปี อยู่โต๊ะไลฟ์สไตล์

จากนี้เป็นจุดเริ่มต้นการเป็นแอดมินเพจ 1991

ก่อนจะเข้าเรื่อง ขอถามก่อนว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีใครเปิดเพจเอง? เป็นแอดมินเพจเองแล้วบ้าง? หลังจากมีประสบการณ์การทำงาน มีประสบการณ์ชีวิตมาระดับหนึ่งแล้ว …ส่วนผู้เขียนไม่เคยคิดเรื่องนี้

แตกต่างจากคนหนุ่มสาวที่เริ่มทำงานอย่างพิมเป็นนักข่าวไม่ถึง 6 เดือนก็เปิดเพจ 1991

“พิมชอบถ่ายภาพด้วยมือถือ ชอบเขียนแคปชั่น ชอบบรรยายความรู้สึกในสิ่งที่เราได้เจอมา เลยคิดว่า ถ้ามีเพจที่รองรับไลฟ์สไตล์ตรงนี้ของเราได้ มันก็น่าจะดี เลยลองเปิดดูโดยไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จ คิดแค่ว่าได้ทำในสิ่งที่ชอบ และเอาภาพที่เราเคยถ่ายๆ มาทางมือถือ และแต่งภาพทางมือถือทั้งหมดมาลง”

พิมอธิบายเพิ่มเติมเรื่องภาพที่มี มาจากการที่ไปทำข่าว ไปเที่ยว หรือเห็นอะไรที่ผ่านมุมมองตัวเอง ก็ถ่ายหมด เป็นสถานที่ สิ่งของ และอื่นๆ ก็ถ่ายภาพที่ชอบเก็บไว้หมดโดยไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน จนกระทั่งเมื่อมีเพจ 1991 ก็ถือโอกาสนำภาพจำนวนเยอะมากๆ มาลง พร้อมแคปชั่นของภาพ หรือข้อความสั้นๆเพราะรู้ว่าคนสมัยนี้ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ ซึ่งสิ่งที่ทำเสมือนงานอดิเรกอย่างหนึ่ง

จุดเปลี่ยนชีวิต ครั้งสำคัญ ทำเพจอย่างไรได้ยอดไลค์ 7 แสน
“เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน พิมพบว่าคนชอบอ่านอะไรที่มีความเกี่ยวข้องในความรู้สึกที่ตัวเขารู้สึกอยู่ เหมือนเป็นความเชื่อมโยงกัน เราก็เริ่มจับตรงนั้นได้เพื่อจะเข้าถึงคนอ่านได้ และไม่เกิน 1 ปี ช่วงเปลี่ยนครั้งแรกคือเมื่อเราลงภาพหนึ่ง เขียนข้อความแล้วคง Touch กับใจคนจำนวนมาก เป็นข้อความโรแมนติกที่ผู้หญิงต้องการผู้ชาย หรือคู่รัก เลยเหมือนกับพูดแทนตรงใจหลายคนจำนวนมากที่เขารู้สึกอย่างนี้ แต่เขาสื่อสารไม่ได้ ทำให้โพสต์นี้เป็นโพสต์แรกที่เกิดการแชร์เยอะมาก จะเรียกว่าพีคที่สุด จากโพสต์นั้นทำให้คนเข้ามากด Like มากขึ้น จากคนที่ไม่รู้จักเพจเราก็มาเพราะโพสต์นั้นสร้างยอด Like ตามมาที่เพจ1991”

 

ภาพและเนื้อหาเมื่อครั้งอดีต ซึ่งมียอดแชร์ถึง 5 หมื่น คลิกภาพอ่านเนื้อหาที่โดน…

จากโพสต์นี้ เสมือนเปิดประตูยอดไลค์ตามมาเรื่อยๆ จากคนที่ไม่รู้จักกลายเป็นคนที่รู้จัก กลับมาอ่านย้อนหลังโพสต์เก่าๆ ของเพจ แล้วยอดไลค์ก็ขึ้นเรื่อยๆ

“พิมจำไม่ได้ว่ายอดไลค์ไปแตะที่แสนเมื่อไหร่ เพราะนานมาก มีอยู่ช่วง ยอดไลค์ขึ้นหลายแสนต่อปีเลยก็มี และมาแตะ 7 แสนไลค์เมื่อปลายปี 2561”

หากเข้าไปติดตามดูที่เพจ 1991 คาแรกเตอร์ของภาพ และแคปชั่นมีความชัดเจนเป็นการเขียนออกมาจากความรู้สึกของตัวพิมเอง ซึ่งแฟนเพจเองก็รับรู้ได้ถึง ความเศร้า ความรัก การรู้สึกถึงความไม่ชัดเจน ในความสัมพันธ์แบบต่างๆ ทุกวัน วันละ 1 โพสต์ ระหว่างเวลา 2 ทุ่มซึ่งพีคสุด ไม่เกิน 5 ทุ่ม และในเวลาเดียวกันของวันที่ 1 ทุกเดือน ถ้าเขียนอะไรที่เป็นแง่บวก ให้กำลังใจ เช่น เป็นเดือนที่ดี เป็นวันที่ดี แฟนเพจจะชอบมาก สังเกตทุกครั้งที่ลงยอดแชร์จะขึ้นสูง เช่นภาพท้องฟ้า และหัวใจ ก็เป็นโพสต์วันที่ 1 ก.พ.62

แล้วข้อความที่เขียนต้องเป็นเรื่องเศร้าทั้งหมด?

“คนมักคิดว่าเราจะเขียนเฉพาะเรื่องเศร้าๆ แล้วอกหักทุกวันตลอดเวลาเหรอ…แต่พิมว่า ความรู้สึกเศร้าทุกคนมีตลอดเวลา แม้ว่าตอนนี้เราจะสมหวัง หรือมีความสุขก็ตาม แต่ความเศร้าเป็นความรู้สึกที่อยู่ลึกๆ อาจจะเป็นตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา พิมว่าน่าจะต้องมีนะ เราสามารถหยิบเรื่องราวนั้นมาเขียนได้แม้ว่าวันนี้เราจะไม่เศร้าแล้วก็ตาม เรายังเอาเรื่องเหล่านั้นมาเขียนได้ และยัง Touch ใจคนอยู่”
มาถึงตอนนี้ อดนึกในในใจไม่ว่า พิมทำเพจมา 4 ปี อัพภาพและแคปชั่นภาพขึ้นทุกวัน เท่ากับว่าใช้ข้อมูลไปแล้วมากกว่า 1,500 แคปชั่น ถามจริงๆ อารมณ์ความเศร้า ความรัก การรู้สึกถึงความไม่ชัดเจน ในความสัมพันธ์แบบต่างๆ เกิดขึ้นได้ทุกวันเหรอ? เพราะคนเขียนข่าว หรือเขียนงานอื่นๆ หลายครั้งอยู่หน้าคอมพ์ก็ไม่มีอารมณ์จะเขียน ต่อให้ได้รับเทคนิค “กระบี่อยู่ที่ใจ” ก็ตามที !
“คำถามนี้น่าสนใจค่ะ คำคมเราคิดขึ้นมาใหม่หมดเลย แต่ละวันเอาของขึ้นเพจทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 โพสต์ สำหรับเพจแนวนี้ จริงๆ บางวันก็คิดไม่ออก เพราะเราไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ก็ยากเหมือนกัน แต่วันไหนที่เรารู้สึกมากๆ เราจะเขียนไว้เยอะๆ ก็ถือเป็นสต๊อกเหมือนกัน ทำผ่านมือถือ เพราะมือถือก็คือสมุดพกเล่มหนึ่ง เรารู้สึกอะไร เราก็พิมพ์ๆ ลงไป แล้วเราก็ดูว่า จะเลือกข้อความใดมาใช้ในวันที่เหมาะสมได้ในวันที่เราไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะฉะนั้นก็จะมีบันทึกอยู่ในมือถือเยอะเหมือนกัน”

ในภาพนี้ พิมรับเชิญจากน้องๆ ในมหาวิทยาลัยเล่าถึงความสำเร็จของการทำเพจ 1991 ที่งานหนังสือที่ม.ศิลปากร และไปให้สัมภาษณ์กับน้องๆ ม.สวนดุสิต แถวล่างบรรยายพร้อมแจกลายเซ็นต์ที่ม.หอหารค้า

พิมเล่าต่อว่า นอกจากนี้ ปัจจัยที่เพจ 1991 ประสบความสำเร็จคือ การมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของเพจและคนที่มาติดตาม คอนเทนต์อย่างเดียวพาไปถึงจุดนั้นไม่ได้ หากเจ้าของเพจไม่สนใจผู้ติดตาม ซึ่งงพิมจะคอยตอบคำถาม พูดคุยทักทายเสมอ ให้แฟนเพจรู้สึกว่า แอดมินมีตัวตนจับต้องได้ เข้าถึงได้ง่าย แฟนเพจไม่ได้ติดตาม Bot ในอินเตอร์เนท ดังนั้นการเพิ่มฐานแฟนเพจคนอื่นๆ เข้ามาด้วย Positioning ที่ชัดเจนของพิม ตั้งแต่เริ่มทำเพจวันแรกถึงประทั่งปัจจุบัน

“พิมกล้าพูดว่า เป็นเพจแรกๆ ในสไตล์นี้ คำคม ให้กำลังใจ และมีการตอบคอมเมนท์เป็นที่แรกๆ ซึ่งพิมก็ดูเพจอื่นๆ คล้ายกัน แต่เขาไม่มีตรงนี้ พิมรู้สึกว่าทำไมไม่มีการตอบเลย เวลาคนเม้นท์ก็ไม่มีใครตอบ แม้กระทั่งกดไลค์ เลยคิดว่าถ้าเราทำเพจ เราจะไม่ทำอย่างนี้ในสิ่งที่เราไม่ชอบ”
จุดเปลี่ยนชีวิตต่อมา เป็นสิ่งที่ตามมาเองทั้งสิ้นจากเพจ 1991

อ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนรู้ว่าหากยอดไลค์ของเพจขึ้นมาถึง 7 แสนแบบนี้ เจ้าของเพจก็รอรับการติดต่อโฆษณาบนเพจได้เลย เพจ 1991 ก็เช่นกัน โฆษณาเอ็มวีเพลง บัตรคอนเสิร์ต รีวิวหนัง เป็นโฆษณาแบบฮาร์ดเซลก็มีเน้นกลุ่มนักศึกษาและวัยทำงาน 16-30 ปี ซึ่งทุกภาพ ทุกคำคมที่ทำ ต้องทำเพื่อกลุ่มนี้

“สื่อโซเชียลเปิดให้เราทำแบบนี้ได้ จริงๆ ตอนที่เปิดเพจไม่ได้ตั้งธงว่าจะต้องเป็นการค้า เราสร้างเพราะเราชอบมีความสุข แต่ที่เหลือถ้าเราจะได้จากตรงนี้คือกำไร สิ่งที่ได้ตอนนี้คือกำไรที่เราไม่ได้คาดหวังไว้เลยตั้งแต่แรกว่ามีคนไลค์เท่านั้นเท่านี้ ต้องบูม และก็ไม่ได้คิดว่าจะมีหนังสือของตัวเอง”
พิมแนะนำ Pocket Book ของเธอ 2 เล่ม โดยการติดต่อจากสำนักพิมพ์ Her Publishing ในเครือ MONO เล่มแรกเป็นเรื่องสั้นชื่อ 1991 ระหว่างเราสูญหาย ใช้นามปากกา พิมประภา และหลังจากที่รับปากสำนักพิมพ์แรกได้ 1 อาทิตย์ อีกสำนักพิมพ์ springbooks ในเครืออัมรินทร์ ก็ติดต่อเข้ามา เป็นเล่มที่สองชื่อ แล้ววันหนึ่ง เราจะรู้ว่า สิ่งไหนควรปล่อยไป สิ่งไหนควรเก็บไว้ 1991เขียน
“ถือเป็นโอกาสเข้ามา พิมนึกในใจว่า จะมีหนังสือเป็นของตัวเองเป็นความฝัน Her Publishing บอกพิมว่าได้กลิ่นอายความเป็นเรื่องสั้นในสำนวนเราในเพจ ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่จะให้เราเขียนเรื่องสั้นใหม่ทั้งหมดเลย โดยที่ไม่เอาจากในเพจ คิดว่าลองดู ทั้งๆ ที่ไม่เคยเขียนเรื่องสั้นมาก่อน แต่ก็รับ เพราะรู้สึกท้าทาย น่าจะทำได้”

แม้จะอยู่ในโลกออนไลน์ แต่การมีหนังสือเป็นของตัวเองโดยสำนักพิมพ์ในเครือใหญ่แบบนี้ ถือเป็นความฝันของนักเขียน ส่วนผู้อ่านที่เป็นแฟนเพจ 7 แสน 2 หมื่นคนนั้น ย่อมที่อยากจะซื้อหนังสือของคนที่ถูกใจเก็บไว้

1991 ระหว่างเราสูญหาย เป็นเรื่องความสัพันธ์คนยุคใหม่ ที่ไม่มีความชัดเจนในความสัมพันธ์ โดยเน้นโทนเศร้า “เป็นคนคุย แต่ไม่ได้เป็นแฟน” หรือ “เป็นเพื่อน ชอบเพื่อน” หรือ “การอยู่กับตัวเองแฮปปี้ดี” เรื่องสั้นที่เขียนมี 15 เรื่อง แต่ละเรื่องใส่บริบทไม่เหมือนกัน เช่นเรื่องแรกเป็นเพื่อนชอบเพื่อน เรื่องสองเป็นเรื่องแนวมือที่สาม เรื่องต่อมา ไม่ได้รักใครเลยก็ได้ แต่อยู่กับตัวเองแล้วมีความสุข เป็นงานเรื่องสั้นที่เขียนทุกรูปแบบความสัมพันธ์ของคน ยุคปัจจุบัน

“ข้อมูลที่เราเอามาเขียน ส่วนใหญ่เอามาจากเรื่องตัวเองด้วย คิดว่าปัจจุบันคนมีความสัมพันธ์แบบไหนมากที่สุด เราพยายามให้ Touch ใจคนอ่านด้วย พิมมองกลุ่มเป้าหมายว่าเขาเป็นยังไง แล้วเขียนให้โดนใจเขา ซึ่งยุคนี้เป็นยุคไม่มีความชัดเจน ซึ่งชัดมากว่า ไม่ว่าจะวัยไหนก็ตาม ก็เจอเรื่องแบบนี้ได้ในความสัมพันธ์แบบนี้ เพราะเป็นความไม่ชัดเจน ระหว่างเราเลยสูญหาย โดยอยากให้มาหาคำตอบเองว่า ชีวิตเขาอะไรหายไปบ้าง บางคนอาจจะเป็นสุข ความรัก เพื่อน แต่บางคนหมายถึงความเศร้าที่หายไปก็ได้ เราไม่ได้ปักธงว่าต้องเป็นคนรักที่หายไปเสมอ เราจะไม่เศร้าแล้วก็คือความเศร้าที่สุญหายไปแล้ว แล้วแต่คนจะตีความ”

เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 1 วางขายในมหกรรมหนังสือ ตุลาคม 2561 พิมเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงดีใจเหมือนเรื่องเพิ่งเกิด “คนซื้อเยอะมาก” แม้จะประหม่านิดๆ ว่าคนที่ตามเพจพิมเขาจะอ่านไหม เพราะพิมเขียนไสตล์ความเรียงสั้นๆ ในเพจไม่กี่บรรทัด พิมกังวลว่าเมื่อเขาซื้อไปอ่านจะเกตไหม เพราะแฟนเพจตามพิมมาอีกแบบ แต่หนังสือที่จะซื้อเป็นอีกแบบ แต่ผลตอบรับผิดคาด เหมือนแฟนเพจเปิดใจตอบรับรูปแบบใหม่ๆ ของพิม และขณะนี้ก็พิมพ์เป็นครั้งที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่วางขายขณะนี้

มาถึง “แล้ววันหนึ่ง เราจะรู้ว่า สิ่งไหนควรปล่อยไป สิ่งไหนควรเก็บไว้” เล่ม 2 เหมือนในเพจ 1991 เป็นความเรียงใหม่ และภาพใหม่ส่วนหนึ่ง ผลตอบรับดีเหมือนกัน เพราะแฟนเพจตามเพจที่ชอบ ก็จะซื้อหนังสือเก็บไว้ด้วย และเล่มนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นการพิมพ์ครั้งที่ 5

ส่วนเล่ม 3 ที่พิมเขียนร่วมกับแอดมินเพจอีกคน กำลังจะออกวางขายปลายเดือนมีนาคมนี้ ภายใต้สำนักพิมพ์ Springbooks

Pocket Book เล่ม 3 ของพิม

สำหรับ สำนักพิมพ์ Her Publishing ซึ่งมีเครือข่าย Seeme ภายใต้ปีก MONO ทำหน้าที่ผลิตหนังสั้นออนแอร์ผ่านทางยูทูป ได้เลือกเรื่องสั้นจากเล่ม 1991 ระหว่างเราสูญหายไปทำเป็น Project หนังสั้น

“โปรเจ็ค 1991 Sad Series เกิดขึ้นจากทางสำนักพิมพ์มีไอเดียอยากต่อยอดเรื่องสั้นจากหนังสือให้กลายเป็นหนังสั้น เพราะมองดูแล้วว่าเนื้อเรื่องน่าจะพัฒนาไปสู่รูปแบบหนังสั้นได้ ซึ่งน่าจะกินใจคนดูได้เช่นกัน เลยพูดคุยกันกับทั้งสำนักพิมพ์และทีมโปรดิวเซอร์ว่ามีเรื่องไหนบ้างที่เหมาะจะนำมาทำเป็นหนังสั้น ก็มีเรื่อง ‘ทุกวันฉันตาย’ ที่เป็น 1 ใน 4 เรื่อง ซึ่งเรื่องนี้จะพูดถึงความสัมพันธ์แบบมือที่สาม เราคิดว่าน่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไม่ชัดเจนที่โดนใจคนยุคใหม่ได้ดี เลยตัดสินใจเลือกเรื่องนี้มาเป็นเรื่องเปิดของโปรเจ็ค 1991 Sad Series ตอนนี้เรื่องแรกออนแอร์อยู่ ส่วนอีก 3 เรื่องอยู่ในระหว่างการสร้าง”

จากงานเขียนของพิมประภา สู่หนังสั้น…เคยมีความสัมพันธ์เเบบเเปลกๆกันไหม มากกว่าเพื่อนเเต่ก็ไม่ใช่เเฟน สถานะที่ผูกพันธ์กันลึกซึ้ง เเต่ไม่อาจเรียกว่าคนรักได้… มุมมองความสัมพันธ์ ที่ชวนเหงาสุดหัวใจ…1991 ทุกวันฉันตาย…คลิกที่ภาพชมหนังสั้น

พิมกล่าวในท้ายที่สุดถึงความท้าทายนับจากนี้ เนื่องจากเพจประเภทนี้มีคนทำกันมาก จึงต้องชัดเจนในจุดเด่นของเพจ 1991 โดย…

มีความสุขกับสิ่งที่ควรเก็บรักษาไว้ และมีความสุขกับสิ่งที่ปล่อยไป

 

You Might Also Like