ORGANIZATIONAL CHANGE

ศุภชัย เดินสายเรียนรู้ประสบการณ์เวทีโลก ประกาศหนุน SDGs

11 ตุลาคม 2562…ร่วมสนับสนุนความมั่นคงอาหารและธุรกิจโลกที่ยั่งยืน ยืนหยัดผลักดันสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนประเทศบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากล

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยผู้บริหารเครือฯ ได้เข้าร่วมประชุมกับผู้นำขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(Food and Agriculture Organization of the United Nations-FAO) ณ มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในโอกาสที่มร. Qu Dongyu จากจีนได้รับเลือกตั้งเป็น Director General ของ FAO ซึ่งนับเป็นการหารือกับผู้แทนภาคธุรกิจครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง

ศุภชัย ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความมุ่งมั่นในฐานะผู้่ผลิตอาหารและวัตถุดิบสำคัญ จะใช้ศักยภาพของทุกบริษัทในเครือในการส่งเสริมและสร้างความมั่นคงทางอาหารแก่โลก และครอบคลุมถึงเป้าหมายการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนของเครือฯด้วย ซึ่งการประชุมครั้งนี้ มีบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมหารือ อาทิ ศาสตราจารย์ Muhammad Yunus,Peter Bakker ประธานคณะผู้บริหารของ World Business Council on Sustainable Development(WBCSD) , Emmanuel Faber ซีอีโอ Danone และ Mars รวมทั้งผู้บริหารจาก EAT Foundation ,Paul Polman ผู้ก่อตั้งองค์กร Imagine,ประธานร่วมของคณะกรรมการบริหาร UN Global Compact ,ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา One Young World,ประธาน International Chamber of Commerce และอดีตซีอีโอ ของ ยูนิลีเวอร์ โกลบอล ,Mrs. Lise Kingo ซีอีโอและผู้อำนวยการบริหารของ UN Global Compact

ศุภชัย ในฐานะนายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดตั้งและกิจกรรมของสมาคมฯที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของภาคเอกชนไทย เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนในไทย สอดคล้องกับหลักการสากลของ UN Global Compact ทั้ง10ประการว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อมและการต่อต้านการทุจริต รวมถึงการส่งเสริมภาคธุรกิจให้ผนึกกำลังเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน(Sustainable Development Goals-SDGs) ได้อย่างแท้จริง

เครือซีพีจะเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจไทยที่จะส่งเสริมและสนับสนุนความยั่งยืนในภาคธุรกิจและสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 20 ปีของการตั้ง UN Global Compact ในปี ค.ศ.2020

นพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้เข้าร่วมการประชุม Sustainable Development Impact Summit ที่จัดโดย World Economic Forum(WEF)ครั้งที่ 3 ซึ่งมีผู้แทนกว่า 800 คนจากภาครัฐและภาคธุรกิจทั่วโลกเข้าร่วม โดยการหารือมุ่งเน้น 4 ประเด็นหลักคือ

1.การปรับกลไกตลาดที่คำนึงถึงผลกระทบต่อทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น(Transforming Markets)
2. ระดมพลังเพื่อป้องกันปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะการร่วมกันทุกวิถีทางเพื่อจำกัดไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียส (Accelerating Climate Action)
3.ระดมทุนเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Financing Sustainable Development)
4.ระดมกำลังเพื่อสร้างสังคมที่เสมอภาค (Mobilizing Actions for Inclusive Societies)

การประชุมในช่วงเวลาเดียวกับการหรือสุดยอดระดับผู้นำของสหประชาชาติ 3 เรื่อง คือ เรื่องสภาพภูมิอากาศ เรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

นพปฎล กล่าวว่า จากการหารือกับศาสตราจารย์ Klaus Schwab ประธานและผู้ก่อตั้ง WEF ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เห็นว่า กิจการครอบครัว(Family Business)ที่มีผู้บริหารมืออาชีพ ต้องส่งเสริมให้ผู้บริหารตระหนักถึงเรื่องการส่งเสริมความยั่งยืนด้วย นอกจากการรักษาให้ธุรกิจสามารถเติบโตต่อไป อีกทั้งจากที่ได้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการหลายรายการ

นพปฎล Yunus ศุภชัย

พบว่า ปีนี้เรื่องที่ได้รับความสนใจมากคือ เรื่อง Circular Economy หรือความพยายามที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ให้ได้คุ้มค่ามากที่สุด ก่อนจะถูกทำลาย โดยต้องส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีวัสดุทั่วโลกกลับเข้าสู่ระบบ Circular Economy เพียง 9%และขยะพลาสติกทั่วโลกถูกนำกลับมาแปรสภาพเพื่อใช้ใหม่(recycle)เพียง 10%เท่านั้น โดยภาคธุรกิจต้องร่วมมือกันสร้างความตระหนักให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อลดการบริโภคเกินความต้องการในชีวิตประจำวัน หากสามารถส่งเสริมให้วัสดุต่างๆหมุนเวียนอยู่ในเศรษฐกิจได้มากขึ้น อาจเพิ่มมูลค่าให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้ถึง 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ WEF ประเมินว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่สามารถพัฒนาให้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคการขนส่งและอุตสาหกรรมพลังงานได้ถึง 30%ภายในปี ค.ศ.2030 ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส โดยภาคธุรกิจต้องหันมาร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่อย่างจริงจัง หากสามารถปฏิวัติการผลิตแบตเตอรี่ได้จริง อาจช่วยสร้างงานใหม่แก่ประชากรกว่า 10 ล้านคน ช่วยเพิ่มมูลค่าให้เศรษฐกิจโลกอีก 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และช่วยให้ประชากรทั่วโลกกว่า 600 ล้านคนมีไฟฟ้าใช้เป็นครั้งแรก

นพปฎลยังได้หารือกับศาสตราจารย์ Klaus Schwab ประธานและผู้ก่อตั้ง WEF ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เห็นว่า กิจการครอบครัว(Family Business)ที่มีผู้บริหารมืออาชีพ ต้องส่งเสริมให้ผู้บริหารตระหนักถึงเรื่องการส่งเสริมความยั่งยืนด้วย นอกจากการรักษาให้ธุรกิจสามารถเติบโตต่อไป พร้อมกันนี้นายนพปฎล ได้หารือกับผู้แทน Grow Asia และ WEF เพื่อหาแนวทางส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน และการส่งเสริมผลิตผลทางการเกษตรที่จะช่วยลดผลกระทบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ การผลิตเนื้อสัตว์จากแหล่งอื่น เช่น พืชหรือการเพาะเนื้อเยื่อ(Alternative meat)แทนการเลี้ยงปศุสัตว์ด้วย

ทั้งนี้ หัวข้อการหารือที่สำคัญในปีนี้ ได้แก่ การเงินที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Financing) ซึ่งภาคการเงินและนักลงทุน รวมทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ที่ประกอบกิจการในหลายประเทศ ต้องเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการบรรลุ SDGsด้วย และสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากขึ้นให้สามารถนำ SDGs ไปใช้กับยุทธศาสตร์การทำธุรกิจได้ด้วย รวมทั้งต้องกระตุ้นให้ภาคเอกชนขยายผลและต่อยอดการทำธุรกิจที่ยั่งยืนให้มีขอบเขตกว้างขึ้น

 

 

You Might Also Like