NEXT GEN

“ไอติม”ลุย StartDee แอปฯเสมือนโรงเรียนออนไลน์ หวังเป็น 1 ส่วนช่วยลดช่องว่างทางการศึกษา

12 พฤษภาคม 2563… พริษฐ์ วัชรสินธุ เปิดตัวแอปฯ StartDee ใช้เทคโนฯ ปลดล็อคข้อจำกัดการศึกษาไทย เปิดเทอมให้เด็กนักเรียนทุกคน เรียนฟรีพร้อมกันทั่วประเทศ 18 พ.ค.นี้

ยังเป็นโจทย์ใหญ่ หากพูดถึงระบบการศึกษาไทย คงจะปฏิเสธไม่ได้ถึงความแตกต่าง และความไม่เท่าเทียมในระบบการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียน เปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างง่ายคือ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่ มีผลการเรียนที่เทียบเท่ากับโรงเรียนชั้นนำระดับโลก ในขณะที่โรงเรียนขนาดเล็กกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ อาจจะขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน หรือคุณครูที่มีไม่เพียงพอสำหรับทุกระดับชั้น

หากเด็กไทยทั่วประเทศกว่า 8 ล้านคน ได้รับการศึกษาที่เหมือนกัน ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่รวยที่สุดกับคนที่จนที่สุด จะลดลงได้ถึง 39% (ข้อมูลจาก UNESCO)

ก่อน Covid-19 StartDee เริ่มต้นด้วยภารกิจที่ต้องการปลดล็อกข้อจำกัดการศึกษาไทยแบบเดิม ด้วยการนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตผสานเข้ากับการเรียนในโรงเรียน โดยมุ่งสู่เป้าหมายเพื่อให้เด็กไทยทุกคน ที่เรียนชั้นป.1-ม.6 เข้าถึงการศึกษาที่ดี ภายใต้ 3 เสาหลัก ประกอบด้วย 1. มีคุณภาพ (Quality) 2. ราคาไม่สูง (Affordable) 3. เข้าถึงง่าย (Available)

พริษฐ์ กล่าวถึงฟีเจอร์หลัก แอปฯ StartDee ที่เปรียบเสมือนห้องเรียนต่างๆ ในโรงเรียนออนไลน์ รองรับการใช้งานกับตามความต้องการที่หลากหลายของเด็กนักเรียนไทย

1.StartDee Room ( ม.1 – ม.6 ) ห้องเรียนหลายร้อยบทเรียนใน 7 วิชาหลักของนักเรียนระดับชั้นมัธยม ทั้งในรูปแบบวิดีโอที่ปรับระดับความเร็วในการเรียนได้ แบบฝึกหัดที่วัดความเข้าใจ ชีทสรุปบทเรียน ฯลฯ จะช่วยให้นักเรียนสามารถทบทวนบทเรียนได้ด้วยตัวเองตามความต้องการได้อย่างไม่จำกัด โดยจะมีการเพิ่มเนื้อหาใหม่ ๆ ทุกสัปดาห์ ถือเป็นห้องหลักของ StartDee
2.StartDee Daily Class คลาสเรียนประจำวัน ติวเสริมสำหรับนักเรียนระดับชั้น ม.3 และ ม.6 ที่จะมีการสอบระดับชาติในปลายปีการศึกษา โดยมีการนำบทเรียนมาจัดเรียงเป็นตารางเรียนทุกเช้า วันจันทร์ – ศุกร์ เริ่มเวลา 9.30 น. ที่ครอบคลุมเนื้อหาครบทุกวิชาหลัก และคั่นด้วยรายการพักสมองสนุกๆ
3.StartDee Live Class คลาสเรียนสด ที่เป็นคลาสพิเศษเสริมในบางวัน โดยมีทั้งเนื้อหาวิชาการในหลักสูตรและความรู้หรือทักษะนอกหลักสูตร ตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21

นอกจากนี้ StartDee ยังมีแผนการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่เสมือนเป็นห้องแห่งการเรียนรู้เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น StartDee Room สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 , StartDee Room สำหรับทักษะแห่งอนาคต, Personal Development Room การพัฒนาความรู้ความสามารถรายบุคคล, Game Room ห้องเกม และ Social Room ห้องแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักเรียนด้วยกัน

“เนื้อหาที่ดีจะต้องมาจากคุณครูที่ดีด้วย เรามีการคัดเลือกครูอย่างพิถีพิถัน เช่น ความแม่นในเนื้อหาต้องทำข้อสอบวิชาที่ครูจะต้องสอน วัดกันตรงนั้น เป็นขั้นที่ท้าทายสำหรับครูหลายท่านคือ ให้มาทดลองสอนออนไลน์ ซึ่งคุณครูหลายท่านสอนเก่งมาก เมื่อมาเป็นครูที่ StartDee ก็จะแบ่งหน้าที่แตกต่างกันออกไป บางท่านเก่งหลักสูตร บางท่านวางแผนเก่ง บางท่านสอนเก่งหน้ากล้อง เราจะให้ครูที่ถนัดทำตามนั้น”

พริษฐ์ ขยายความถึงกลุ่มเป้าหมายและระดับรายได้ของครอบครัวที่จะเข้ามาใช้บริการ StartDee ซึ่งเป็นความพยายามให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด โดยลดค่าสมาชิกให้ต่ำที่สุด ราคาเริ่มต้น 200 – 300 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างไม่สูงมาก ขณะเดียวกันธุรกิจก็อยู่ได้

“เราตั้งภารกิจการแก้ไขปัญหาการศึกษาเป็นหลัก แม้ว่าเราจะมีเรื่องทางธุรกิจที่จะต้องดำเนินการเรื่องนี้ แต่ต้องไม่ละทิ้งเป้าหมายการศึกษาที่ดีเข้าถึงได้ทุกคน เพราะช่องว่างำทางการศึกษาจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ หากเราไม่ทำอะไร แต่ภาพใหญ่เรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จะเป็นบทบาทของรัฐบาล”

ช่วงเวลาที่ผ่านมา StartDee ได้ทดลองใช้งานจริงจากกลุ่มตัวอย่างเด็กนักเรียนไทยทั่วประเทศ 37 โรงเรียน จากทั้ง 4 ภูมิภาค โดยพบว่าเด็กนักเรียนมีความคิดเห็นหลักออกเป็น 4 ประเด็น คือ 1. แอปพลิเคชัน ออกแบบให้ใช้งานง่าย 2. เนื้อหากระชับ สอนเข้าใจง่าย 3. ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับการเรียน 4. ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษากับเด็กทั่วประเทศ โดยมีตัวอย่างความคิดเห็นจากนักเรียนรุ่นที่ 1 ของ แอปพลิเคชัน StartDee ดังเช่น

“เป็นแอปการเรียนที่น่าสนใจมากๆ เพราะมีรูปแบบที่ทันสมัยเป็นแอปที่ดึงดูดสายตาค่ะ” (น้องมะนาว, กรุงเทพฯ)

“เรียนกับคุณครูที่โรงเรียนผ่านวิดีโอคอล ครูยังสงสัยว่าหนูไปรู้เรื่องบทเรียนมาจากไหน ในระยะเวลา 1 เดือนที่ใช้แอปนี้” (น้องแพร, ขอนแก่น)

“ในช่วงแรก ผมก็ไม่คิดว่าในหนึ่งแอปจะทำได้ถึงขนาดนี้ พี่ๆ ทำให้ผมได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น เพราะได้ใช้เวลานั้นในการแสวงหาความรู้” (น้องบาส, เชียงราย)

“ทำคลิปสอนดีๆ กระชับ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปดูคลิปในยูทูปยาวๆเลยค่ะ” (น้องนิ้ง, พัทลุง)

ตัวอย่างและพื้นที่ที่นักเรียนได้ลองทดสอบแอปฯ StartDee

เมื่อนึกถึง Branding ของ StartDee ผมอยากให้เป็น เปรียบเสมือนโรงเรียนออนไลน์ เพราะผมเชื่อว่าการศึกษาที่ดีต้องมีส่วนผสมผสานข้อดีของการที่เรียนโรงเรียน มาบวกกับข้อดีของออนไลน์ และเราอยากจะเป็นเสมือนโรงเรียนออนไลน์ ที่เด็กคนไหนไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามของประเทศไทย กดเข้ามา อยากจะหาข้อมูลในวิชาเรียนที่ตัวเองอยากจะหาได้ เมื่อใช้แอปไปสักพัก ก็จะมีคุณครูมาช่วยแนะนำว่าเมื่อเข้าใจส่วนนี้แล้ว ทำไมไม่ลองไปเข้าใจส่วนนี้ เนื้อหาที่ยากขึ้นไหม มีห้องพักที่สามารถไปพักเล่นเกมส์กับเพื่อนได้ หรือห้องพักที่ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ ได้ อยากจะเป็นเสมือนโรงเรียนออนไลน์ ที่เข้าใจนักเรียนทุกคน แต่ไม่สามารถมาทดแทนโรงเรียนปกติได้ แต่เป็นตัวช่วยช่วงที่โรงเรียนปิดได้”

พร้อมกันนี้ StartDee ทำงานร่วมกับ

1.เอไอเอส (AIS) ด้วยการนำจุดแข็งทางด้านโครงข่ายดิจิทัลพื้นฐาน (Digital Infrastructure) มาช่วยสนับสนุนอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษา ร่วมพัฒนาคอนเทนต์ด้านทักษะดิจิทัล พร้อมแผนความร่วมมือระยะยาวร่วมกันในเชิงนวัตกรรม พร้อมกับร่วมสนับสนุนการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมโดยการแจก “ซี้ดซิม” (ZEED SIM) ที่มากับการใช้อินเทอร์เน็ตโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายให้กับน้องๆ ที่ใช้บริการแอปพลิเคชัน StartDee อีกด้วย

2.การีนา (Garena) ดิจิทัลแพลตฟอร์มระดับโลกที่คนออนไลน์ และคอเกมรู้จักกันเป็นอย่างดี ได้เข้ามาร่วมสนับสนุนทุนการศึกษา ร่วมพัฒนาทักษะรอบด้านให้เยาวชนพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล รวมไปถึงส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียนและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

3. กสศ. (กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) หน่วยงานภาครัฐ  รร่วมทำงานวิจัยเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์สำหรับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทางการศึกษา รวมทั้งโรงเรียนอีกหลายแห่งทั่วประเทศ ที่เข้าร่วมทดลองใช้งานและพัฒนาแอปพลิเคชัน

พริษฐ์ กล่าวในท้ายที่สุดว่า เปิดเทอมพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 18 พฤษภาคมนี้ บนแอปพลิเคชันด้านการศึกษา “StartDee” iOS ดาวน์โหลดได้ที่ App Store (https://apple.co/3diWevO)Android ดาวน์โหลดได้ที่ Play Store (https://bit.ly/2WasAlx)

 

 

You Might Also Like