NEXT GEN

SCGP เลือก Circular Economy เป็นอีก 1 ในโซลูชันทางธุรกิจ สร้างความแตกต่างทางการแข่งขัน

9 กันยายน 2563…นับเป็นฟันเฟืองสำคัญอีกเรื่องในวิสัยทัศน์ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนสถาบัน และรายย่อยจองซื้อหุ้นไอพีโอ SCGP ที่เคาะราคาขายแล้ว 35.00 บาทต่อหุ้น

วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ได้วางกลยุทธ์นำบริษัทฯ รุกขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนเพื่อมุ่งสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน โดยชูศักยภาพเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน มุ่งเน้นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ครอบคลุมทั้งบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ กระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ทั้งแบบอ่อนตัวและแบบคงรูป บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหาร เยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน โดยมีการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งผลให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ทั้งในด้านรูปแบบ คุณสมบัติและวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยมีฐานการผลิตใน 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลายครอบคลุมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน และสินค้าอุตสาหกรรม

ปัจจุบัน SCGP เป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค พร้อมต่อยอดการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำหน้าที่ปกป้องสินค้า ช่วยสร้างแบรนด์และเพิ่มความโดดเด่นแก่ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ SCGP ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่

“โซลูชัน Circular Economy ที่เราใช้ใน Business Model จะมีเรื่อง Recover Material การนำกลับมาใช้ อย่างทุกวันนี้เรานำกลับมาใช้ 95 % นอกจากนี้เรามี Circular Supply คือการใช้ Renewable Resourse โดยทรัพยากรทดแทน เช่นเราปลูกต้นยูคา 3-5 ปีสามารถนำกลับมาเป็นพลังงานได้ เรื่อง Renewable Energy สายลม แสงแดด โซล่าร์เซล ซึ่งวันนี้เราก็มีใช้ นอกจากนี้เรื่องการยืดอายุผลิตภัณฑ์สินค้าเป็นนวัตกรรมการทำให้สินค้าเน่าเสียช้าลง ประโยชน์คือใช้ได้นานขึ้น  นับเป็นความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ในเศรษฐกิจหมุนเวียนและความยั่งยืน และข้อมูลเหล่านี้เป็นอีก 1 คำตอบที่จะต้องอธิบายให้นักลงทุนสถาบันฟังเมื่อเขามถามประเด็น ESG ของบริษัทว่ามีเป้าหมายอย่างไร ทำอะไรบ้างรวมถึงผลลัพท์ที่เกิดขึ้น”

วิชาญกล่าวในท้ายที่สุดถึง Circular Economy เป็น 1 ในโซลูชันจะใช้ในอาเซียนที่เป็นตลาดมีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ มีประชากรรวมกันกว่า 500 ล้านคนและมี 4 เมกะเทรนด์ที่จะส่งผลดีต่อปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ อัตราการบริโภคบรรจุภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์จากพอลิเมอร์ที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรและไลฟ์สไตล์ การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น

 

You Might Also Like