NEXT GEN

มาแล้ว ! กลางปีหน้า รับการจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 AZD1222

13 ตุลาคม 2563… กระทรวงสาธารณสุข สยามไบโอไซเอนซ์ เอสซีจี และแอสตร้าเซนเนก้า ผนึกกำลังผลิตวัคซีนโควิด-19 พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด สำหรับไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมูลนิธิเอสซีจี ได้ร่วมสมทบทุนวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศ 100 ล้านบาท

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ประธานกรรมการ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ที่กรุงเทพฯ และ เจมส์ ทีก ประธานประจำประเทศไทย แอสตร้าเซนเนก้า ผ่านการประชุมออนไลน์จากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยมี พิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย นิโคลัส วีคส์ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย และ โจ เฟง รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชีย แอสตร้าเซนเนก้า ร่วมเป็นสักขีพยาน ในหนังสือแสดงเจตจำนงระบุว่าทุกฝ่ายตกลงจะทำงานร่วมกัน เพื่อเสริมศักยภาพด้านกำลังการผลิตของ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ให้พร้อมรองรับการผลิตวัคซีนจำนวนมากเพื่อให้ประเทศไทยและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียมและทันเวลา

ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้า จะจัดสรรวัคซีนวิจัยดังกล่าวโดยไม่มุ่งหวังผลกำไรในช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมกันนี้จะถ่ายทอดเทคโนโลยีและร่วมมือกับสยามไบโอไซเอนซ์ ในการติดตั้งกระบวนการผลิต

ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย สยามไบโอไซเอนซ์ เอสซีจี กับแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด นับเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ องค์กรด้านสาธารณสุขชั้นนำของโลก อาทิ องค์การอนามัยโลก กลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (CEPI)  องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (GAVI) และผู้ผลิตวัคซีนทั่วโลก ผนึกกำลังเพื่อช่วยกันกระจายวัคซีนวิจัยให้ทั่วถึงโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หลังจากการทดลองทางคลินิกประสบความสำเร็จและหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องได้รับรองวัคซีนวิจัยดังกล่าวแล้ว

ทุกฝ่ายที่มาร่วมมือครั้งนี้มุ่งหวังให้การใช้วัคซีนวิจัยมีความปลอดภัยสูงสุด โดย แอสตร้าเซนเนก้าและ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมขั้นสูงสุดภายใต้หลักปฏิบัติอันเป็นที่ยอมรับทางวิทยาศาสตร์ และทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เชี่ยวชาญ อาทิ หน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (MHRA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทยเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

ความร่วมมือดังกล่าวเกิดจากการผลักดันโดยกระทรวงสาธารณสุข ที่สร้างความเชื่อมั่นต่อการผลิตในประเทศไทย ทั้งนี้ กระทรวงฯ จะได้รับวัคซีนวิจัย AZD1222 หลังจากผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด โดยมีเป้าหมายเริ่มจัดสรรวัคซีนสำหรับประชาชนชาวไทยได้ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564

 

You Might Also Like