NEXT GEN

Purpose ทำให้กลับมาทบทวนว่า การดำรงอยู่ขององค์กร หรือแบรนด์คืออะไร?

7-8 มกราคม 2566…ช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา การทําความดีขององค์กรได้เปลี่ยนจากการบริจาคไปสู่ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) ก้าวสู่สิ่งที่เรียกกันทั่วไปว่า เป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

บางคนอาจโต้แย้งว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแค่การพูดเรื่องเดียวกันแต่ใช้คำที่ไม่เหมือนกัน แต่จริงๆแล้ว ในรายละเอียดทุกคำแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

การบริจาค
(Philanthropy)

เมื่อคิดถึงการบริจาค ชื่อแรก ๆ ที่คนส่วนใหญ่คิดถึงน่าจะเป็น บิล เกตส์, วอร์เรน บัฟเฟตต์, แม็คเคนซี่ สก็อตต์ ชื่อเหล่านี้เป็นคนที่สร้างความมั่งคั่งจากธุรกิจ และตัดสินใจมอบบางส่วนคืนสู่สังคม พวกเขาทําผ่านองค์กรการกุศล มูลนิธิ และองค์กรไม่หวังผลกำไร ซึ่งหมายความว่า คนอื่นๆก็มีโอกาสทำแบบเดียวกันนี้

แนวคิดข้างต้นมีมานานแล้ว ตั้งแต่ยุควิคตอเรีย ซึ่งหลาย ๆ บริษัท เช่น Carnegies, Cadbury’s หรือ Tatas ล้วนมีเจ้าของที่มีใจบุญชื่นชอบการมีส่วนร่วมในชุมชน แต่ปัจจุบันการบริจาคแบบนี้เริ่มน้อยลงแล้ว

การมีส่วนร่วมของชุมชนผ่าน
CSR

ถัดมาคือ CSR ซึ่งมีต้นกําเนิดมาจากการบริจาค แต่เน้นวิธีที่บริษัทมีส่วนร่วมในความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนที่ดําเนินงาน นอกเหนือจากการดูแลพนักงานแล้ว ระยะหลัง บริษัทต่าง ๆ ก็เริ่มคิดถึงว่าควรจะได้บางอย่างคืนมา บ่อยครั้งที่แรงจูงใจคือการสร้างชื่อเสียง เพิ่มฐานลูกค้า หรือสร้างโอกาสให้มีคนเก่งคนดีร่วมงาน  เช่น องค์กรสื่ออย่าง BBC เคยพัฒนาโครงการ CSR ที่หลากหลาย เช่น ใช้ออฟฟิศเป็นศูนย์กลาง ทําให้ทีมงานเข้าถึงชุมชนท้องถิ่นได้มากขึ้น สนับสนุนการสร้างนักข่าวพลเมือง จัดระเบียบพนักงานอาสาสมัคร และลดการวมศูนย์อยู่ที่ลอนดอนเพียงแห่งเดียว

CSR ยังคงเป็นองค์ประกอบสําคัญของการเป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบ และสําหรับหลาย ๆ คนมันมักจะเป็นจุดเริ่มต้นสําหรับการทำอาชีพใหม่ แต่วิวัฒนาการของ CSR สู่ ESG เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญ ต้องทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน การขับเคลื่อนจาก CSR เป็น ESG ปรับกรอบการดําเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ จากการสร้างชื่อเสียงไปเป็นการสร้างโอกาสประสบความสําเร็จทางธุรกิจ รวมถึงผลตอบแทนทางการเงิน การปรับตัวระยะยาว ความแตกต่างของตลาด และอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังเป็นโอกาสสําหรับโฉมใหม่ที่จะก้าวข้ามสู่บทบาทใหม่ด้วย

เข้าถึงทุกส่วนของบริษัทด้วย
ESG

หลายแง่มุมของ CSR และธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ ได้กลายเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญ การทำตามกฎระเบียบ พร้อมกับทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เช่น ลูกค้า พนักงาน ซัพพลายเออร์ นักลงทุน และหน่วยงานสาธารณะตระหนักรู้ ทําให้พวกเขาต้องดําเนินการ และพิจารณาว่าจะลดความเสี่ยงอย่างไร ขณะที่ต้องผลักดันคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคมและโลกใบนี้

ที่มา คลิกภาพ

รายงานความยั่งยืนประจําปี 2022 ของ KPMG ระบุว่า 96% ของบริษัทใน G250 ได้ทำรายงานเรื่องความยั่งยืนแล้ว หรือ ชัดเจนว่า ESG เป็นเรื่องสำคัญ และใช้แนวทางแบบองค์รวมในการทําธุรกิจ วิธีการคือ ปลูกฝังการปฏิบัติที่มีความรับผิดชอบลงในกลยุทธ์ การดําเนินงาน ผลิตภัณฑ์ และวัฒนธรรมของบริษัท จุดเน้นไม่ได้มีแค่การลดความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังเพิ่มโอกาสด้วย

ตรงกันข้าม CSR มักบริหารจัดการ และลงมือทำโดยทีมงานที่ทุ่มเท และไม่ค่อยมีผลกระทบโดยตรงต่อผลิตภัณฑ์ / บริการของ บริษัท หรือแม้แต่กลยุทธ์ทางธุรกิจ CSR จะเน้นที่การมีส่วนร่วมของชุมชน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสํานักงาน โรงงานและแนวทางปฏิบัติในการจ้างงานอย่างมีความรับผิดชอบ

ESG ยังส่งสัญญาณไปยังนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ว่า บริษัทกําลังดําเนินการด้านต่าง ๆ เหล่านี้อย่างจริงจัง โดยวัดทั้งเชิงปริมาณ เปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธุรกิจ และมองธุรกิจแบบองค์รวมเน้นการมีความรับผิดชอบ พูดง่าย ๆ ก็คือ ESG คือ ชุดของความมุ่งมั่นที่ส่งมอบตาม Purpose ของบริษัท

ตัวอย่าง HubSpot พวกเขาเชื่อว่า Purpose เป็นมากกว่าคําพูดหรู ๆ มันขับเคลื่อนทุกสิ่งที่ทํา และเป็นศูนย์กลางของงาน ESG การกําหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยสร้างให้เป็นบริษัทที่เหมาะสําหรับคนรุ่นต่อไป ช่วยนําทางว่าโครงการริเริ่มใดทับซ้อนกับ Purpose ช่วยให้บริษัทจัดลําดับความสําคัญว่าเรื่องใดสำคัญต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และจุดที่สร้างผลกระทบได้มากที่สุด

การเปลี่ยนแปลงกําลังจะมาถึง
เรื่องดี ๆ กำลังจะเกิดขึ้น

ขณะที่บางคนอาจมองว่าทั้งหมดนี้ค่อนข้างหมือนระบบราชการมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อบังคับที่เพิ่มขึ้น และการปฏิบัติตามข้อบังคับที่มีผลใช้ในภูมิภาคส่วนใหญ่ ประเด็นนี้เป็นโอกาส ความหมายคือ ต้องสร้างให้ธุรกิจที่ทำงานเดียวกับ ESG ให้เป็นอีกอาชีพหนึ่ง และไม่ได้จํากัดอยู่แค่แผนก ESG เท่านั้น ตอนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถประกอบอาชีพ Ethical Marketing การออกแบบที่ยั่งยืน การบัญชีคาร์บอน หรือแม้แต่วิศวกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน

นั่นคือ ESG เป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งแล้ว

วิวัฒนาการช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนทีมที่เน้นการบริจาค หรือ CSR ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นองค์กรขนาดเล็กให้กลายเป็นทีมที่มีวินัยสูง เป็นผู้รับผิดชอบโครงการที่มีความสำคัญต่อทั้งบริษัท ดังนั้นความเชี่ยวชาญนี้จึงเป็นสิ่งจําเป็นมากกว่าเดิม และเป็นโอกาสที่ดี สําหรับผู้แสวงหาอาชีพที่เน้นการทำตาม Purpose

ทั้งหมดนี้ บอกว่า เราไม่ควรให้ความสำคัญกับคำหรู ๆ มากเกินไป แน่นอนว่า ในอนาคตย่อมมีคำใหม่มาแทน ESG จุดสำคัญอยู่ที่ว่า เราควรมองว่า Sustainability เป็นกระบวนการแบบไดนามิก เน้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

ที่มา

 

You Might Also Like