ALTERNATIVE

ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ : ถอดบทเรียนจากมัลดีฟส์ และเซเชลส์

30 มิถุนายน 2564…ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี หรือ ttb analytics ทำการศึกษาข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อถอดบทเรียนประเทศเหล่านั้น พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ของโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และวิเคราะห์ว่าประเทศไทยควรมีการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือสถานการณ์อย่างไร

สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐเซเชลส์  มีสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะ คล้ายคลึงกับจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะเป็นจังหวัดนำร่องในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

-เซเชลส์ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงถึง 71.5% แต่เมื่อมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา กลับพบการระบาดของเชื้อเฉลี่ยสูงขึ้น 3.8 เท่าตัว ในช่วงเดือนเมษายน ถึง มิถุนายน
-มัลดีฟส์ที่มีอัตราการฉีดวัคซีน 58.3% พบการระบาดสูงขึ้นกว่าเดิม 8.2 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน

จะเห็นว่าหลังจากเปิดประเทศแล้ว ทั้งสองประเทศยอดนักท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นในสองเดือนแรก แต่ในเดือนที่สามเริ่มพบยอดการติดเชื้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชี้ถึงโอกาสเสี่ยงในการรับเชื้อไวรัสที่แตกต่างจากสายพันธุ์ท้องถิ่น โดยเป็นสิ่งที่ไทยต้องตระหนัก

เมื่อมองย้อนกลับมาที่จังหวัดภูเก็ต ในช่วงที่ผ่านมามีความพร้อมเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว โดยประชาชนในจังหวัดภูเก็ตได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วกว่า 3.6 แสนคน คิดเป็น 87% ของประชากร และเข็มที่สอง 2.9 แสนคน คิดเป็น 70% ของประชากร

การฟื้นฟูการท่องเที่ยวผ่าน “โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้ ซึ่งจังหวัดได้เตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขภายในจังหวัดที่รัดกุมตามแผน เช่น แผนสำรองเรื่องการฉีดวัคซีนเพิ่มเติมให้กับประชาชนและผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ในต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงของนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มมาแล้วเป็นเวลา 14 วัน จึงสามารถเข้ามาเที่ยวที่ภูเก็ตได้โดยต้องพำนักอยู่ในภูเก็ตเป็นเวลา 14 คืน ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวสถานที่อื่นในประเทศไทย นอกจากนี้ จะต้องมีการตรวจเชื้อคัดกรองโรคโควิด-19 จำนวน 3 ครั้งในระหว่างอยู่ภูเก็ต และต้องติดตั้งแอปพลิเคชัน Thailand Plus และแอปหมอชนะ เพื่อให้ติดตาม timeline ได้ รวมถึง การอนุญาตชาวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวจะต้องเป็นกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำและปานกลางตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

คาดว่าในระยะแรก นักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้แก่ เยอรมัน อังกฤษ รัสเซีย ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส ซึ่งประเทศที่นิยมมาภูเก็ตก่อนเกิดการระบาด คิดเป็น 30% ของนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ต  และหวัง “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” เป็นโมเดล เพื่อปรับใช้พื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ กระบี่ พังงา เชียงใหม่ พัทยา บุรีรัมย์ ช่วยพลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทยให้กลับมาอีกครั้ง

 

You Might Also Like