TALK

สมิต ทวีเลิศนิธิ “อาหารแห่งอนาคต เนื้อจากพืช ทางเลือกของคนรักสุขภาพ+รักษ์โลก”

20 ธันวาคม 2563…เนื้อจากพืชกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่โลกจับจ้อง เพราะได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “อาหารแห่งอนาคต” ที่นอกจากจะทานแล้วสุขภาพดีห่างไกลจากโรคร้ายอย่างมะเร็ง และโรคหัวใจแล้วยังให้เนื้อสัมผัส รสชาติ และความอร่อยคล้ายเนื้อสัตว์ ที่สำคัญยังสร้างประโยชน์ให้กับโลกใบนี้อีกด้วย

เพราะอย่าลืมว่าอุตสาหกรรมปศุสัตว์เป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง และสร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยมีการคำนวณว่า 25% ของการเกิดก๊าซเรือนกระจกมาจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ พื้นที่ 83% ของโลกหมดไปกับการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงสัตว์ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการใช้น้ำที่มากมายมหาศาลกว่าจะได้เนื้อสัตว์มา 1 กิโลกรัม เชื่อไหมว่าเราต้องใช้น้ำมากถึง30,000 ลิตร

สมิต ทวีเลิศนิธิ กรรมการผู้จัดการ Let’s Plant Meat เป็นผู้ที่อยู่ในแวดวงอาหารคนหนึ่งที่ เพราะธุรกิจหลักของครอบครัวคือ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัดเป็นบริษัทผลิตเครื่องปรุงรสต่าง ๆ รายใหญ่ของไทย (เอสเอ็มอีไทย ที่ได้ Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 16 ปี 2563) โดยส่วนตัวสมิตสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นจากอาการป่วย แล้วเปลี่ยนรูปแบบการรับประทานอาหารงดเนื้อสัตว์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้อากาป่วยดีขึ้น จึงกลายมาเป็นคนทานมังสวิรัตินานหลายปี พยายามมองหาวัตถุดิบใหม่ที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่กินเนื้อสัตว์ จนกระทั่งมาพบกับเนื้อจากพืช

“การไม่กินเนื้อสัตว์เลย ไม่ได้แค่ทำให้สุขภาพเราดีเท่านั้น แต่มันยังสามารถลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม อย่างผมอยู่เชียงใหม่ ตั้งแต่ธันวาคมจนถึงมีนาคม เราต้องเจอกับปัญหาฝุ่นควัน ทราบไหมว่าจุดความร้อนที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการเผาป่าเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่เป็นการเผาไร่เพาะปลูกเพื่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์ โดยเฉพาะไร่ข้าวโพดเพื่อนำไปเลี้ยงสัตว์ป้อนให้กับกิจการเนื้อ นม ไข่ ดังนั้นถ้าเราหยุดการบริโภคเนื้อสัตว์ก็น่าจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ไม่น้อยเลยทีเดียว”

ด้วยธุรกิจดั้งเดิมของสมิตที่ทำโรงงานผลิตเครื่องปรุงอยู่แล้ว และเต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์อาหารที่มีอยู่ในองค์กร เป็นต้นทุนอย่างดีที่ทำให้เขาเริ่มศึกษาวิจัย และพัฒนาการทำโปรตีนจากพืชอย่างจริงจังเมื่อปีก่อน พร้อมๆ กับการเข้าไปฝึกอบรมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเป็น FoodTech Sartup

จากการวิจัยและพัฒนา ทีมงาน Let’s Plant Meat นำโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง ข้าว น้ำมันรำข้าว และน้ำมันมะพร้าว จนกลายมาเป็นเนื้อจากพืชที่ให้เนื้อสัมผัส รสชาติ สีสัน ไม่ต่างไปจากเนื้อสัตว์จริงเลย

“ธุรกิจเดิมเราทำเครื่องปรุงอยู่แล้ว เรามีความเข้าใจ Food Ingredient และเข้าใจเรื่องวัตถุดิบ ดังนั้นทำให้เราพัฒนาได้เร็ว”

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่าเนื้อจากพืชเป็นประเภทเดียวกับโปรตีนเกษตรหรือเปล่า

“จริง ๆ แล้วทั้งสองอย่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะโปรตีนเกษตรจะมีแต่โปรตีนไม่มีรสชาติอะไร ต่างจากเนื้อจากพืชจะให้ฟีลลิ่งการกินเนื้อ นอกจากนี้เรายังพัฒนาไม่ให้มีกลิ่นถั่ว เพื่อเหมาะกับการบริโภค และเหมาะกับการนำไปประกอบอาหารด้วย ไม่ใช่แช่น้ำนานชั่วโมงแล้วนำมาบีบให้แห้งเหมือนโปรตีนเกษตร แต่เราหาทางพัฒนาให้สามารถนำมาแทนเนื้อสัตว์ได้แบบ 1 ต่อ 1 พูดง่ายๆ ว่าเหมือนเนื้อสัตว์จริงๆ เลย โดยไม่ต้องไปทำอะไรกับมันมาก หรือต้องเปลี่ยนอะไร”

สำหรับการสร้างแบรนด์นั้น สมิตตั้งใจใช้ชื่อแบรนด์ Let’s Plant Meat เพื่อสื่อนัยยะถึงการชักชวนผู้บริโภคให้มาปลูกเนื้อจากพืช

“Let’s Plant Meat ถ้าจะให้แปลตรง ๆ ก็จะได้ใจความว่ามาปลูกเนื้อจากพืชกันเถอะ เพราะผมคิดว่ามีผู้บริโภคไม่น้อยที่เขาอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับทรัพยากรโลก แต่ในอีกทางหนึ่งเขาก็ยังอยากกินเนื้อที่มีรสชาติอร่อยอยู่ โดยไม่ต้องลดทอนความสุขเหมือนกับการทานอาหารเจ”

Let’s Plant Meat เริ่มวางออกจำหน่ายในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยปัจจุบันมีสินค้า 2 SKU ได้แก่ เบอร์เกอร์เนื้อจากพืช และเนื้อบดจากพืช รองรับได้ทั้งเมนูตะวันตก และตะวันออก นอกจากนี้ยังได้จับมือกับร้านเขียงในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป คลอดเมนูกระเพราที่ใช้โปรตีนจากพืชภายใต้ชื่อ “กระเพราะไม่เนื้อ” ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดค่อนข้าง

“เนื่องจากเนื้อจากพืชเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้นตลาดยังเล็กอยู่เป็นธรรมดา ซึ่งผมคิดว่าคงต้องให้เวลาที่จะ Educate ให้ผู้บริโภคซึมซับประโยชน์ของมันไปเรื่อย ๆ เหมาะกับคนที่ชอบหาทางเลือกให้กับสุขภาพตัวเอง และหาทางเลือกให้กับสิ่งแวดล้อม”สมิตกล่าวในท้ายที่สุด

ที่มาภาพอาหาร

You Might Also Like