NEXT GEN

ยักษ์ใหญ่โลกหนุนงบแก้โลกเดือดเป็น 5 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่ม 2 เท่าจากช่วง 5 ปีก่อน

17 พฤศจิกายน 2567…บริษัทต่าง ๆ เห็นโอกาสทางธุรกิจจากการรับมือกับภาวะโลกเดือดมากกว่าที่เคย บรรดาธุรกิจใหญ่ที่สุดในโลกคาดว่าจะได้รับ 5,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าเดิมเฉลี่ย 3,000 ล้านดอลลาร์ต่อบริษัท ตามข้อมูลที่ CDP เผยแพร่ ในช่วงที่บรรดาผู้แทนรัฐบาลร่วมประชุมใน COP29 สัปดาห์นี้ที่อาเซอร์ไบจาน

บริษัทใหญ่ที่สุดในโลก 500 แห่ง คาดว่า งบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2018 เพิ่มเป็น 4.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 มากกว่าสองเท่า (127 %) เทียบกับช่วง 6 ปีที่ผ่านมา

การวิเคราะห์มาจาก CDP องค์กรไม่แสวงหาผลกําไร ซึ่งมีระบบเปิดเผยข้อมูลทั่วโลกแก่นักลงทุน บริษัท เมือง รัฐ และภูมิภาค เพื่อจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อ้างอิงจากบริษัทจดทะเบียนที่มีสัดส่วนมากกว่าสองในสามของมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลก และบริษัทเอกชนหลายพันแห่ง

จากกลุ่มบริษัทที่เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด ระบุว่า ถึงปีที่แล้ว มีการใช้งบรวม 16 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นตัวเลขเท่ากับGDP ของเยอรมนี อินเดีย และญี่ปุ่นรวมกัน คิดเป็นรายบริษัท จํานวนเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 3,100 ล้านดอลลาร์ จุดที่สร้างผลกระทบมากที่สุดเป็นเรื่องการปรับสินค้าและบริการ ดึงดูดตลาดใหม่ การแก้ปัญหาภาวะโลกเดือดแบบยืดหยุ่น

Sherry Madera ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการวางแผนของ CDP กล่าวว่า บริษัทต่างๆ มองว่าการรับมือกับภาวะโลกรวนเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต เป็นสิ่งที่บรรดารัฐบาลต้องเห็นแผนพัฒนาของตนล่วงหน้า และต้องเผยแพร่รายละเอียดแก่บริษัทต่างๆเพียงพอ เพื่อให้สามารถลงมือทำ ตระหนักถึงผลกําไร และเริ่มต้นโปรเจ็คท์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

“ด้วย COP29 โฟกัสเรื่องการเงิน เราเชื่อว่าเส้นทางเดียวสู่ความสําเร็จ คือ การเห็นแผนธุรกิจที่ตั้งเป้าสูง กับเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียส ที่ทุกบริษัทจับมือทํางานร่วมกัน”

เป้าสูง-ความคืบหน้าต่ำ

แม้มีโอกาสร่ำรวย แต่ความก้าวหน้าขององค์กร เพื่อปรับกิจกรรมของ Core business ให้สอดคล้องกับเป้าหมายแก้ปัญหาภาวะโลกรวนยังห่างจากสิ่งที่ควรเป็นอีกไกล การติดตามผล Net Zero ล่าสุดของ MSCI Sustainability Institute ระบุว่า ความพยายามลดคาร์บอนของบริษัทจดทะเบียน มีเพียง 16 ประเทศที่สามารถลดการปล่อยมลพิษตามเป้า 2.8°C เท่านั้น เกินขีดจํากัด 1.5°C ที่จะทำให้แน่ใจว่าเป็นโลกน่าอยู่ในอนาคตอย่างมาก

ข้อมูลการวิเคราะห์ของ CDP ระบุว่า มีบริษัทเพียง 16% ที่สามารถสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ ขณะที่มีบริษัทเพียง 25% ที่มีการลงทุนเพิ่มเพื่อให้องค์กรเปลี่ยนผ่านสู่การแก้ปัญหาโลกรวน อย่างไรก็ตาม บริษัทต่างๆ กําลังทุ่มเทอย่างหนัก เพื่อให้ทำได้ตามเป้า โดยปรับพอร์ตโฟลิโอสินค้าและบริการ

การทำไม่ได้ตามเป้าเพิ่มความเสี่ยงทางธุรกิจที่สําคัญ แต่ CDP ก็แสดงข้อมูลที่แสดงว่ายังมีความหวังที่ว่า ในบรรดาบริษัทระดับโลก 500 แห่ง การรับรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการใช้งบต่อความเสี่ยงในการแก้ปัญหาโลกรวนดีขึ้น มูลค่าอยู่ที่มากกว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปี 2018 โดยกฎระเบียบ ผลกระทบต่อตลาด และความเสี่ยงเฉียบพลันที่มีผลต่อร่างกาย เป็นความกังวลสูงสุด

ความโปร่งใสเกี่ยวกับเป้าที่ตั้งเทียบกับความคืบหน้าเป็นข้อมูลสําคัญในการเจรจา COP ปีนี้ เพื่อช่วยให้รัฐบาลกําหนด และส่งมอบผลตามเป้า ในการเพิ่มความพร้อมของข้อมูลสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐานเพื่อเป็นแนวทางของรัฐบาล บริษัทที่รายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมผ่าน CDP เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 24,800 บริษัท (+7%) ในปี 2024 รวมถึงบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 66 % ของมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลกทั้งหมด ข้อมูลเปิดเผยผ่านแบบสอบถามสอดคล้องกับ IFRS S 2 ของ CDP มาตรฐานสภาพภูมิอากาศของ ISSB ซึ่งเป็นพื้นฐานการเปิดเผยสภาพภูมิอากาศของ CDP

นอกจากบริษัทยักษ์ใหญ่แล้ว ยังมีบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางกว่า 12,500 แห่ง รายงานผ่านแบบสอบถามเฉพาะ SME ใหม่ของ CDP และยังมีอีกมากกว่า 15,000 บริษัทเปิดเผยข้อมูลธรรมชาติ นี่เป็นการพัฒนาที่สําคัญและ สัญญาณเชิงบวกว่าบริษัทต่างๆ กําลังก้าวข้าม ‘วิสัยทัศน์ซึ่งเน้นรายงานแต่เรื่องคาร์บอน” ในกลยุทธ์การลงมือแก้ปัญหาโลกรวน

“เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่เห็นว่า SMEs มากกว่า 12,500 ราย รายงานผ่านแบบสอบถามชุดใหม่ของ CDP ในปีแรกนี้  การเปิดเผยข้อมูลเป็นขั้นตอนแรกที่สําคัญของการปฏิบัติ สำคัญยิ่งต่อการพิสูจน์อนาคตของ SMEs และห่วงโซ่อุปทานประเทศขนาดใหญ่และตลาดเกิดใหม่ CDP เป็นพันธมิตรหลักในการรณรงค์ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจขนาดเล็กหลายพันแห่งที่จะเปลี่ยนผ่านสู่โลกสีเขียว ช่วยให้ SMEs ได้รับข้อมูลแถวหน้า ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นว่าจะเน้นความสนใจ สร้างขีดความสามารถ และลงมือทําไปที่จุดใด”  Nigar Arpadarai Climate Change High-Level Champion ของสหประชาชาติกล่าว

นับจากอาเซอร์ไบจาน ประเทศเจ้าภาพเริ่มกระบวนการโดยประกาศเจตนารมณ์ ขยายการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลอีก 1 ใน 3 ในทศวรรษหน้า ความเป็นไปได้ที่ COP29 จะทำให้ข้อตกลงเรื่องการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศหรือภาระผูกพันทางการเงินจาก 200 ประเทศที่เข้าร่วมมีความหมายทำได้น้อย ซึ่งเหมือนเคย มันขึ้นอยู่กับธุรกิจโลกว่าจะขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงระบบที่จําเป็นในการรักษาตัวเองและโลก ดำเนินธุรกิจระยะยาวได้หรือไม่

หมายเหตุ ผลการวิเคราะห์นี้อ้างอิงจากบริษัท 316 แห่งจากกลุ่มตัวอย่าง 500 แห่งทั่วโลก เป็นบริษัทใหญ่ที่สุดในโลกคิดตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่เปิดเผยต่อ CDP ในปี 2018 และ 344 แห่งเปิดเผยต่อ CDP ในปี 2023

ที่มา

 

You Might Also Like