NEXT GEN

Geneva Association ชี้บริษัทประกันกําลังเผชิญกับความท้าทายด้านความยั่งยืนทางสังคมของโลก

22 พฤศจิกายน 2565…ท่ามกลางความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เพิ่มขึ้น สําหรับธุรกิจที่จะมีผลกระทบทางสังคมมากขึ้น รายงานฉบับล่าสุดของ Geneva Association ระบุว่า บทบาทของการประกันภัยในการส่งเสริมความยั่งยืนทางสังคม ควรเน้นให้ประโยชน์ที่สมบูรณ์ของการประกันภัยแก่สังคม โดยให้ความมั่นคงทางการเงิน และความอุ่นใจแก่ผู้คนและธุรกิจ ทั้งนี้ Geneva Association ประมาณการว่า บริษัทประกันมอบค่าสินไหม ราว ๆ 5-5.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เพื่อช่วยสร้างสภาพคล่อง และความยืดหยุ่นทางการเงินทั่วโลก ผ่านการเคลม และการจ่ายเงินผลประโยชน์แก่ผู้เอาประกันทั่วโลก

เพื่อให้ความยั่งยืนด้านสังคมมีความก้าวหน้า รายงานฉบับนี้แนะนําให้บริษัทประกันให้ข้อมูลธุรกิจประกัน และการลงทุนที่เกี่ยวข้องแก่ผู้เอาประกัน รวมถึงความเสี่ยงของการทำธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับลูกค้า ผู้ลงทุน และการดําเนินงาน ตั้งแต่การละเมิดสิทธิมนุษยชนไปจนถึงอัลกอริทึมการคำนวณที่อาจตีความได้หลายแง่มุม

รายงานของ Geneva Association เน้นมองไปข้างหน้า นำเสนอกรอบการทํางานที่เป็นนวัตกรรมใหม่สําหรับผู้ประกันตนในการประเมินคุณค่าของ Social Footprint ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวทางของพิธีสารก๊าซเรือนกระจกเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอน:

ขอบเขตที่ 1 เป็นผลกระทบทางสังคมของผู้ประกันตนที่มีต่อพนักงาน
ขอบเขตที่ 2 คือ ผลกระทบของผู้ประกันตนต่อชุมชน
ขอบเขตที่ 3 – สําคัญที่สุด คือผลกระทบทางสังคมของผู้ประกันตนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การรับความเสี่ยงและการบริการไปจนถึงการลงทุน – ต้นน้ำ (พันธมิตรห่วงโซ่คุณค่า) และปลายน้ำ (ลูกค้าและผู้ลงทุน)

Jad Ariss กรรมการผู้จัดการของ Geneva Association กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าธุรกิจจําเป็นต้องทําเรื่องการส่งเสริมความยั่งยืนทางสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ผลกระทบของการระบาดใหญ่และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นภารกิจที่ บริษัทประกันต้องทำเสมออยู่แล้ว และจะยังต้องทำต่อไป และต้องเป็นแนวหน้าของพันธกิจนี้

สาระสําคัญของธุรกิจประกันภัยคือ การปกป้องสังคมให้มีความมั่นคงทางการเงิน ความอุ่นใจ และสนับสนุนการฟื้นตัวจากความสูญเสียใด ๆ

ที่มา คลิกที่ภาพ

“ที่กล่าวว่าบริษัทประกันสามารถสร้างผลกระทบ และจําเป็นต้องจัดการกับการขาดตัวชี้วัดที่เหมาะสม เราหวังว่ารายงานของเราจะทําหน้าที่เป็นเครื่องนำทางที่ดีในเรื่องนี้”

Kai-Uwe Schanz ผู้เขียนรายงาน ในฐานะรองกรรมการผู้จัดการและผู้อํานวยการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจและสังคม Geneva Association กล่าวว่า รายงานแนะนําให้บริษัทประกันใช้แนวทาง 3 ระดับ เพื่อบริหารจัดการความยั่งยืนทางสังคม

ประการแรก เพิ่มผลกระทบทางสังคมเชิงบวกให้เกิดขึ้นแก่การประกันภัย
ประการที่ 2 ปกป้องผลประโยชน์เหล่านั้น โดยลดผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง
ประการที่ 3 ค้นหาขอบเขต คิดค้นกรมธรรม์ที่ผสานศักยภาพเชิงพาณิชย์และเพิ่มผลประโยชน์ทางสังคม

“จากแนวทางนี้ เราเชื่อว่าบริษัทประกันสามารถเพิ่มบทบาทของพวกเขา ในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสังคม และทํางานเพื่อปิดช่องว่างการคุ้มครอง เรื่องนี้สําคัญมากกว่าที่เคย เพราะการเปลี่ยนผ่านไปสู่ Net Zero จําเป็นต้องเป็นธรรมทางสังคม และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง”

ที่มา ภาพเปิดเรื่อง

You Might Also Like