NEXT GEN

เมืองไทยประกันชีวิต x ZA Tech ตอบ Social Impact ในแนวคิด ESG

12 ตุลาคม 2564…ความร่วมมือที่เกิดขึ้น สามารถทำเรื่องประกันชีวิตให้ถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกอายุ ราคาจับต้องได้ให้ครบถ้วนที่สุด มีความเท่าเทียมอย่างยั่งยืนทั้งผลิตภัณฑ์และการบริการ ภายใต้สถานการณ์ที่มีความท้าทายมาก

ที่ผ่านมาตลอด 70 ปีเมืองไทยประกันชีวิตทำหน้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านประกันชีวิตทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการทุกรูปแบบตามความต้องการของประชาชนผ่านช่องทางเอเย่นต์ และมีการพัฒนาด้านดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้ง Fuchsia Innovation Centre การออกแอปพลิเคชัน MTL Click , MTL Mini Click, MTL Fit ฯลฯ

ล่าสุดเมืองไทยประกันชีวิตได้ตัดสินใจที่จะก้าวต่อไปบนเส้นทางดิจิทัลร่วมกับ ZA Tech หนึ่งในบริษัท InsurTech ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทวีปเอเชีย

สาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดร. สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบิล ซง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZA Tech ร่วมกันเปิดเผยถึงความร่วมมือครั้งสำคัญของทั้ง 2 แบรนด์อย่างเป็นทางการภายใต้แนวคิด ESG ที่คล้ายคลึงกัน

“วันนี้ต้องบอกว่า ESG มีความสำคัญสร้างธุรกิจและสร้างความยั่งยืนได้ โดยเฉพาะสถานการณ์อย่างนี้ถือเป็นหน้าที่ของมืออาชีพด้านประกันชีวิตที่จะต้องมีความรับผิดชอบ มีแพลทฟอร์ม ที่มีวิสัยทัศน์คล้ายคลึงกันที่จะตอบโจทย์ให้สังคมประเทศไทย ด้วยผลิตภัณฑ์บริการดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบที่คนทั่วไปเข้าถึง เข้าใจง่าย เนื้อหาไม่ซับซ้อน ราคาไม่แพง โดยบริษัทฯสามารถบริหารความเสี่ยงในทุกด้านได้ ซึ่งความร่วมมือทั้ง 2 บริษัทเริ่มต้นมาแล้วเป็นดิจิทัล 100%คือ วัคซีนอุ่นใจ เป็นไซส์เล็ก ราคา 500 กว่าบาท เราสามารถลอนช์กับพันธมิตรได้ 7 รายภายใน 2-3 เดือน และไปเสนอลูกค้าในเครือข่ายเขาเอง”

สาระกล่าวต่อเนื่อง จากผลิตภัณฑ์แรก มั่นใจว่าปี 2564 เป็นต้นไป จะเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เมืองไทยประกันชีวิต x ZA Tech นำประโยชน์มาสู่ประชาชน และโชว์ศักยภาพพลังของดิจิทัลจากพันธมิตรอย่าง ZA Tech

ผลิตภัณฑ์แรก จาก เมืองไทยประกันชีวิต x ZA Tech

“นี่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องการสร้าง Eco System เพิ่มช่องทางใหม่ ๆ ให้คนทั่วไปเข้าถึงประกันชีวิตและคววามคุ้มครองสุขภาพมากขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนพฤติกรรม เรานั่งทำงานจริงจังเพื่อให้เห็น Pain Point ผู้เอาประกันของคนทุก Generations เดิมทีประกันชีวิตจะเล่นกับคนที่มีเงินส่วนเกิน เป็นธรรมชาติของประกันตอบโจทย์ระดับกลางและสูง แต่ในความเป็นจริง การมี Big Economy มี Second Job มีงานฟรีแลนซ์ กับเวลาทำงานก็ไม่มีเวลาเยอะ เมื่อราทำแบบไซส์เล็ก ๆ หลาย ๆ ไซส์ออกมาได้ จะเข้าถึงที่ง่ายโดยไม่ต้องใช้เวลาเยอะ ไม่ต้องมานั่งคำอธิบาย ดังนั้นต้องง่าย เราเองต้องประเมินความเสี่ยงได้”

บิลยกตัวอย่างต่อเนื่อง พบว่า ZA Tech ออก 200 กรมธรรม์ ลูกค้ามีอายุระหว่าง 18-60 ปี นั่นหมายถึงพวกเราทุกคนอยู่ในยุคดิจิทัลจริง ๆ เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะฉะนั้นโอกาสที่ ZA Tech และเมืองไทยประกันชีวิตมองเห็นในประเทศไทยคือการ Tailor Made แบบออน ดีมานด์ ทั้งจากช่องทางดิจิทัล หรือด้านราคา

ดร.สุธีร์ ขยายภาพว่า “จากความร่วมมือครั้งนี้ ทำให้เมืองไทยประกันชีวิตสามารถออกผลิตภัณฑ์ไซส์เล็ก ๆ รองรับความต้องการของประชาชนอีก 90%ได้ทันที และจะมีมากขึ้น เป็นเข้าถึงการซื้อได้ง่าย และ ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ให้ความยืดหยุ่นกับลูกค้า เช่นในการเลือกความคุ้มครองกรณีวัคซีนอุ่นใจ จากผลข้างเคียงของวัคซีน ได้ด้วยตนเอง วันนี้ถือว่า Digital Tech เป็นตลาด Blue Ocean คนยังเล่นน้อยมาก และสามารถสร้าง Social Impactได้”

“MTL ให้ความสำคัญกับ ESG เช่นเดียวกกับ ZA Tech ผมมีความเชื่อว่าในมุมธุรกิจประกันชีวิต ESG เราดีลกับ Stakeholder เต็มไปหมด ภายใต้ความร่วมมือกับ ZA Tech ผลิตภัณฑ์วัคซีน ก็มีผลในมุมสังคมได้มาก การที่มีคำถามเรื่องสุขภาพที่ดี การที่ทำราคาได้แบบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของตัว S (Social) หรือแม้แต่เรื่องบำนาญ สังคมผู้สูงวัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นระเบิดเวลาหากไม่ถูกบริหารจัดการให้ดี MTL ป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่สามารถมาเติมเต็มได้ แม้จะไม่ทั้งหมด แต่หากเรามีบริการ ผลิตภัณฑ์ รวมถึงระบบที่เขาถึงได้ ก็จะตอบโจทย์ได้ เช่น เมื่อเราร่วมกับ ZA Tech ในแง่การออมผ่านการประกันได้ ก็เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ ESG เช่นกัน ธุรกิจประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ให้กับสังคมได้ เป็นการสร้างความยั่งยืนในสังคม เมื่อสังคมยั่งยืนองค์กรก็ยั่งยืนเช่นเดียวกัน” สาระกล่าวในท้ายที่สุด

 

You Might Also Like