13 มิถุนายน 2564…กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) และกลุ่มอินทัช เผยวิสัยทัศน์บนเวทีสัมมนาออนไลน์ของ The Stanford Thailand Research Consortium หัวข้อ Future Thailand Innovation in Education and Workforce Development ในเรื่องของการพัฒนาคน ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่ไม่อาจคาดเดาได้
การสัมมนาดังกล่าวอยู่ในโครงการ Innovative Teaching Scholars หรือ ITS เปิดโอกาสให้บุคลากรทางการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ได้มีโอกาสเข้ารับการฝึกอบรมด้านการสอนจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนของตนเองโดย Stanford Thailand Research Consortium (STRC) ภายใต้การสนับสนุนของศูนย์พัฒนาวิชาชีพแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford Center for Professional Development: SCPD) ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนของ เอไอเอส-กสิกรไทย- เอพี (ไทยแลนด์)
กานติมา กล่าวถึงภาพกว้างในบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั้งหลังโควิด-19 ส่งผลกระทบในทุกมิติอย่างรวดเร็วและรุนแรง สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการพัฒนาศักยภาพใหม่ ๆ ให้กับคนไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศให้ก้าวหน้าและแข่งขันได้ในเวทีดิจิทัลระดับโลก
นี่คือ “พันธสัญญาที่สำคัญยิ่ง (Vital Obligation)” ในการร่วมกันสร้างโอกาสเพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งของคนไทย และความร่วมมือในการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ องค์กรภาคการศึกษาตลอดจนภาคเอกชน คือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
“เอไอเอสเราเชื่อเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมาก เมื่อก่อนนั่งทำงานที่ออฟฟิศ แต่เมื่อเจอโควิด-19 เราต้อง Work from Home ใช้การสื่อสารทางออนไลน์ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง เพราะจะต้องดำเนินธุรกิจ สิ่งที่เกิดขึ้นนับเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เชื่อว่าต่อไปเราจะเห็นคนจะทำงานแบบรีโมต คือทำที่ไหนก็ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารจึงมีมากขึ้น โดยองค์กรต้องสนับสนุน เพื่อช่วยให้พนักงานของเราทุกระดับใช้เทคโนโลยีเก่งขึ้น ซึ่งพนักงานมากกว่า 50% เปิดรับ เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เห็นภาพเดียวกันว่า ชีวิตจะไม่กลับไปเป็นเหมือนก่อนยุคโควิด-19 แน่นอน และสิ่งที่เห็นแล้วตอนนี้คือ กระบวนการตัดสินใจต่าง ๆ ในองค์กรจากเดิมผู้บริหารมีอำนาจการตัดสินใจเต็มรูปแบบ ปัจจุบันเปิดโอกาสกว้าง ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากขึ้น กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ขององค์กร”
เมื่อโลกแห่งการทำงานจริงของภาคธุรกิจเปลี่ยนแปลงจากปรากฏการณ์ดังกล่าว ย่อมเสมือนการปรับเปลี่ยนดีเอ็นเอในองค์กรไปด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ภาคเอกชนจะต้องโฟกัส และเน้นไปที่พนักงานทุกระดับในองค์กร ที่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งภาคเอกชนต้องการให้ภาคการศึกษาช่วยคือ การเตรียมความพร้อมของคนเมื่อจะเข้ามาทำงาน เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปรับแนวความคิดความสามารถ และความแข็งแกร่ง ของภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาเข้าด้วยกัน เพื่อนำส่งคุณภาพที่ดีไปยังนักเรียนที่จะจบการศึกษา
“การรู้จักเด็กใหม่จากการสัมภาษณ์ด้วยเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะเรื่อง Soft Skill องค์กรสูญเสียโอกาสในการที่จะหาเด็กที่ใช่เลยในแบบขององค์กร แต่เราเชื่อว่าต้องหา Growth Mindset เพราะมีเครื่องมือทางจิตวิทยาจำนวนมากในการประเมินคน ประเมินเด็กจบใหม่ สามารถประเมินได้ก่อนที่จะสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ เพื่อทำให้องค์กร หรือนายจ้างมั่นใจ โดยเด็กใหม่ที่เราต้องการคือ คนที่เปิดมุมมอง เปิดโลกทัศน์ ”
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกช่องทางการได้มาของพนักงานใหม่ของเอไอเอส คือ “นักศึกษาฝึกงาน” พบว่า เด็กไม่ต้องกลัวเรื่องการประเมิน เขาทำงานเต็มที่เพราะเขาฝึกงาน เรื่องต่อมาเอไอเอสใช้แพลตฟอร์ม AIS Academy เพื่อติดตามผลของเด็กเมื่อฝึกงาน สิ่งที่สำคัญคือระบบ Buddy ,Coach หัวหน้าแผนกที่คัดเลือกเด็กจบใหม่จะเห็นวิธีการทำงาน พลังของเด็ก ๆ เช่นเวลาระดมสมองคนรุ่นเดียวกันของพวกเขาก็จะมีรูปแบบที่แตกต่าง เมื่อเด็ก ๆ อยู่ด้วยกันระยะเวลาหนึ่ง เขาได้สร้างความเชื่อมโยง การผูกพันกัน ซึ่งเขาจะเป็นแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเอไอเอสในอนาคต ควบคู่กับพนักงานเดิมขององค์กร
เมื่อเป็นเช่นนี้ทักษะสำคัญที่พนักงานควรมีก็คือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Active Learning) และการเป็นผู้นำ (Leadership)
“เรายังเชื่อว่าคณาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ สามารถเตรียมทรัพยากรบุคคลที่แข็งแรง จบการศึกษาปริญญามาแล้วก็ยังต้องเพิ่มทักษะใหม่ ๆ ที่มาจากประสบการณ์ตรงในที่ทำงาน และทางอ้อมจากการแบ่งปันในการเรียนรู้ระดับนานาชาติ ซึ่งที่เอไอเอสเอง การพัฒนาบุคลากรเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงอยากให้สังคมเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และพัฒนาการเป็นผู้นำ”
กานติมากล่าวในท้ายที่สุดว่า คนรุ่นใหม่ เขาคืออนาคต ผู้ใหญ่ปัจจุบันต้องคิดถึงอนาคต แล้วมองกลับมาที่ปัจจุบันว่า จะต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง เมื่อระบบการศึกษาแข็งแรงมากกว่านี้ ปรับตัวมากยิ่งขึ้น คนรุ่นใหม่จะมีพื้นฐานที่แข็งแรงในการทำงานสำหรับโลกที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงอย่างในปัจจุบัน