พฤศจิกายน 17,2025…ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พัฒนาแพลตฟอร์ม SETCarbon ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อบก. ยืนยันความถูกต้องตามมาตรฐานสากล CFO, GHG Protocol และ ISSB
SETCarbon จะเป็นเครื่องมือกลางของประเทศในการคำนวณ รายงาน และบริหารจัดการข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคธุรกิจ ทั้งบริษัทจดทะเบียนและบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ไทยมีระบบข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน โปร่งใส และพร้อมรองรับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวอย่างเป็นระบบ
โดยตั้งใจแก้โจทย์ตั้งแต่การประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองในทั้ง 3 Scope การเทียบประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมกับธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน การรายงานข้อมูลให้สอดคล้องกับหน่วยงานกำกับ เช่น ก.ล.ต. และ อบก. ไปจนถึงการรองรับความต้องการของนักลงทุนและกองทุนที่ให้ความสำคัญต่อข้อมูล ESG โดยเฉพาะกองทุนที่มองหาบริษัทที่สามารถพิสูจน์ Carbon Footprint ได้อย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งรวมถึงการนำข้อมูลไปเป็นหนึ่งในปัจจัยประกอบพิจารณาให้สินเชื่อสีเขียวหรือสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition Loan) ของสถาบันการเงิน
“SETCarbon ถือกำเนิดขึ้นจากความท้าทายสำคัญของหลายองค์กรไทยที่ต้องเผชิญทั้งค่าใช้จ่ายสูงในการจัดทำข้อมูลคาร์บอน ความซับซ้อนของการเก็บข้อมูล ความจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และความเสี่ยงด้านคุณภาพของข้อมูลที่ต้องตรวจสอบได้ในระยะยาว โดยแพลตฟอร์มนี้ช่วยลดความยุ่งยากด้วยการออกแบบแม่แบบกิจกรรมก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม (Activity Template) ให้เติมข้อมูลได้ง่ายตามบริบทของธุรกิจแต่ละประเภท ลดขั้นตอนการคำนวณและจัดเก็บข้อมูลด้วยระบบที่ตรวจสอบความถูกต้องได้ และลดโอกาสที่ข้อมูลจะสูญหายหรือขาดช่วงจากการเปลี่ยนทีมงานหรือผู้ดูแล”
ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าว
ทั้งนี้ คุณสมบัติของ SET Carbon ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานครบวงจร ตั้งแต่การเก็บข้อมูลและตรวจสอบอัตโนมัติ การใช้ข้อมูลที่อ้างอิงค่า Emission Factor จากแหล่งมาตรฐาน การแสดงผลข้อมูลผ่านแดชบอร์ดที่ให้มุมมองเชิงภาพรวมและการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ รองรับข้อกำหนดการรายงานทั้งตามมาตรฐานในประเทศ เช่น 56-1 One Report และการเตรียมพร้อมสู่มาตรฐานระดับสากล เช่น ISSB รวมถึงการเชื่อมระบบให้ผู้ทวนสอบจากบุคคลที่สามสามารถเข้าตรวจสอบข้อมูลในระบบได้โดยตรง ผ่าน Verifier Marketplace ที่ได้รับการรับรองจาก อบก. การรองรับผู้ใช้งานสูงสุด 20 คนด้วยบทบาทที่ต่างกัน รวมถึงการสร้างรายงานอัตโนมัติทั้ง Word และ Excel เพื่อนำไปใช้งานได้ทันที
ผลจากการเริ่มใช้งานจริง ตัวเลข ณ สิ้นปี 2566 ระบุว่ามีบริษัทจดทะเบียนใช้ระบบแล้ว 516 แห่ง โดย 332 แห่งผ่านการทวนสอบข้อมูลเรียบร้อย และกว่า 299 แห่งใช้งานเครื่องมือคำนวณของ SETCarbon อย่างแข็งขันภายในเพียง 10 เดือนแรก โดยอนาคตจะขยายการใช้งานสู่บริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ (NBO) ผ่านความร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรที่ต้องการนำเครื่องมือนี้ให้ลูกค้า SMEs ใช้เพื่อทำให้มีโอกาสได้รับสินเชื่อสีเขียงจากธนาคารได้ ซึ่งที่ผ่านมามีธนาคารใช้แล้วค่ะ Exim Bank และ TTB และคาดว่าจะมีผู้ใช้งานมากกว่า 300 รายภายใน 3–5 ปี พร้อมขยายสู่การใช้งานในระดับซัพพลายเชนของประเทศ
ศุภกร เอกชัยไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน อธิบายถึงเครื่องมือ SETCarbon บนมิติของการเงินสีเขียว SETCarbon กำลังทำหน้าที่เป็นเสมือน “พาสปอร์ตข้อมูลคาร์บอน” เพื่อช่วยให้ธุรกิจมีช่องทางเข้าถึงสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยเหมาะสมมากขึ้น โดยการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจะช่วยให้ธนาคารประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำ ลดเวลาการอนุมัติสินเชื่อจากเดิมที่อ้างอิงเฉพาะงบการเงิน และเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อเดินหน้าสู่การลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม
ปัจจุบัน SETCarbon ได้รับการขึ้นทะเบียนและรับรองจาก อบก. แล้ว เป็นเวลา 3 ปี พร้อมเดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งการเชื่อมต่อ API เพื่ออัปเดตข้อมูลค่า Emission Factor อัตโนมัติ การเชื่อมข้อมูลกับระบบหน่วยงานรัฐภายใต้กรอบกฎหมายด้านสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มความสามารถรองรับ Scope 3 ในการคำนวณตลอดห่วงโซ่อุปทาน การขยายรายชื่อผู้ทวนสอบที่ผ่านการรับรอง รวมถึงการศึกษาโมเดลการรายงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) และติดตามมาตรฐานสากล เช่น CBAM เพื่อให้สอดรับกับบริบทเศรษฐกิจโลกในอนาคต
ท้ายที่สุด SETCarbon คือกุญแจดิจิทัลในการวางรากฐานข้อมูลคาร์บอนของไทย สร้างความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจและนักลงทุน มุ่งไปสู่ประเทศที่สามารถแข่งขันได้ในโลกที่ความยั่งยืนไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” แต่คือ “โครงสร้างข้อมูลระดับประเทศ”









