พฤศจิกายน 7,2025…SD Perspectives ชวนเปิดมุมมอง “จิราภรณ์ ธนาวุฒิศักดิ์” นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ กทม. ผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิด Meme ที่ทำให้ภาครัฐพูดภาษามีมได้อย่างเป็นธรรมชาติ และกลายเป็นบทสนทนาของคนทั้งเมืองในวันลอยกระทง 2568
“ไอร่ารู้ไหม”
จากไวรัลซีรีส์สู่เสียงเตือนเรื่องสิ่งแวดล้อม
ในวันลอยกระทง 2568 “กรุงเทพมหานคร” หรือ กทม. สร้างความประหลาดใจให้กับโลกออนไลน์อีกครั้งเมื่อภาพประชาสัมพันธ์ที่ใช้ข้อความว่า
“ไอร่ารู้ไหม ว่าเมื่อไหร่ที่บอดี้การ์ดจับกระทงขนมปัง นั่นแปลว่าต้องมีน้ำเน่าเสียและปลาตาย”

นับเป็นข้อความที่ถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกลายเป็นไวรัล และตัวอย่างใหม่ของ Meme แบบภาครัฐ
แคมเปญนี้ไม่ใช่เพียงการสื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือการ “พูดภาษาของคนในยุคโซเชียล” ที่ใช้มีมซึ่งเกิดจากกระแสซีรีส์ “เพียงเธอ” (Only You) มาดัดแปลงให้เข้ากับประเด็นรักษ์โลก และสะท้อนการเปลี่ยนบทบาทของหน่วยงานรัฐที่ “เข้าใจวัฒนธรรมร่วม” ของสังคมมากขึ้น
จิราภรณ์ ธนาวุฒิศักดิ์ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ กลุ่มงานผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ ส่วนสื่อสารองค์กร สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร คือหนึ่งในทีมเบื้องหลังแนวคิดนี้
“แคมเปญรณรงค์สิ่งแวดล้อมของ กทม. มีมาหลายรูปแบบ แต่การสื่อสารแบบตรงเกินไป มักสร้างแรงต้าน มากกว่าแรงร่วม เพราะผู้คนรู้สึกว่าถูกสั่ง ดังนั้น แนวทางใหม่คือการนำกระแสในโซเชียลมีเดีย มาปรับใช้เพื่อให้เกิด แรงส่งต่อ ด้วยอารมณ์ที่เป็นมิตร”
“กระแสของซีรีส์ “เพียงเธอ” ในโซเชียลมีเดียดังมาก ประกอบกับรูปประโยคที่ “ตะวัน” พูดกับ “ไอร่า” สามารถปรับให้เชื่อมโยงเพื่อสร้างความตระหนักรู้ได้ จึงเป็นที่มาของการรณรงค์นี้ เพื่อสร้างการรับรู้ โดยไม่รู้สึกว่าถูกสอน”

ข้อความ “บอดี้การ์ดจับกระทงขนมปัง” เป็นตัวอย่างของการสื่อสารที่ใช้ “อารมณ์ขันเพื่อสอน” หรือที่เรียกว่า ขำ แต่ทิ่มใจ (Humor with Purpose) เนื้อหาดูขำแต่แฝงข้อมูลจริงจังเรื่องน้ำเน่าและปลาตาย
จิราภรณ์ เล่าว่า ทีมสื่อสารตั้งใจให้ประโยคนี้สั้น กระชับ จำง่าย แต่ไม่ล้ำเส้น “เรากลั่นกรองทุกคำ ส่งให้ผู้บริหารตรวจทุกครั้งก่อนเผยแพร่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่หมิ่นเหม่ แต่ยังคงน้ำเสียงสนุก เข้าใจง่าย”
เมื่อ “ภาษามีม”
กลายเป็น “ภาษาสาธารณะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ กทม. ทดลองใช้มีมในงานประชาสัมพันธ์ ก่อนหน้านี้เคยมีประโยคอย่าง
“ขับรถเร็ว ไม่ใช่สาววายก็สมองไหลได้” หรือการใช้ “ภาษาลู” และมีมทีมฟุตบอลในโซเชียล
ทุกครั้ง ทีมงานจะประชุมกันเพื่อดูว่า “กระแสไหนกำลังมา” และ “จะนำมาปรับใช้กับงานอย่างไร” โดยจะต้องเสนอผู้บริหาร เมื่ออธิบายแนวคิดและเห็นผลลัพธ์ ก็ให้ไฟเขียวทันที
“ไอร่ารู้ไหม พอเรา Launch สื่อออกไป ปรากฏว่าคนพูดถึงกันกว้างมาก หลายคนรู้สึกว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ไกลตัว เพราะมันถูกเล่าในภาษาที่เขาคุ้น”
ผลที่ได้คือภาพลักษณ์ใหม่ของหน่วยงานรัฐ ที่ “Friendly และ Relatable” มากขึ้นไม่ใช่หน่วยงานที่สั่งการ แต่เป็นเพื่อนร่วมวงสนทนาในโลกออนไลน์
จากไวรัล
สู่แรงเปลี่ยนแปลง
กทม. มองว่าการใช้มีมไม่ใช่แค่ “เล่นตามกระแส” แต่คือ “จุดเริ่มต้นของภาษาสาธารณะยุคใหม่” ที่หน่วยงานรัฐสามารถใช้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง โดยเฉพาะประเด็นสิ่งแวดล้อม ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว
“การใช้มีมมาสื่อสารนั้นทำให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งไม่ว่าหน่วยงานใดที่นำไปสื่อสารก็สามารถสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นในสังคม และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งในสังคม ส่วนกระแสที่ได้มานั้นถือเป็นกำไรที่เกิดขึ้น ซึ่งในตอนแรกเราไม่คิดว่ากระแสตอบรับจะดีมากขนาดนี้ ต้องขอขอบคุณแฟนคลับหลิงออมทุก ๆ คนด้วยนะคะที่ให้ความสนใจและช่วยกันรณรงค์จนกลายเป็นไวรัล”
กทม. จึงกลายเป็นตัวอย่างสำคัญของภาครัฐที่เรียนรู้จะพูด ‘มีม’ อย่างมีจริยธรรม
Meme ไม่ใช่แค่ไวรัล แต่วันนี้กำลังเป็นวัฒนธรรมการสื่อสารใหม่ของสังคมไทย ที่ผสมระหว่างอารมณ์ขัน ความร่วมสมัย และความรับผิดชอบต่อสังคม



