NEXT GEN

ร้อนจัด ที่บ้านเจอค่าไฟแล้วหนาว เร่งตลาดโซลาร์รูฟท็อปโตก้าวกระโดด

26 เมษายน 2567…ttb analytics เคยประเมินว่า ตลาดโซลาร์รูฟท็อป ในประเทศไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเฉลี่ยปีละ 22% หรือแตะระดับ 6.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2568 ซึ่งในเวลานั้นพบว่าค่าไฟเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ประกอบการทุกขนาดจึงเลือกใช้ไฟบางส่วนมาจากโซลาร์รูฟท็อป เป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ไม่น้อย

ปัจจุบัน ไม่เพียงเรื่องราคาค่าไฟเท่านั้น หากคนไทยอยู่ในสภาวะโลกเดือดที่สัมผัสได้กับทุกคนในอากาศร้อนอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดมาก่อนว่า จะร้อนมากขนาดนี้ ในส่วนประชาชนทั่วไปที่พอมีกำลังใช้เวลาอยู่บ้านช่วงกลาง ก็เลือกที่จะติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปมากขึ้นเพื่อช่วยลดค่าไฟได้จริง

“ต้องยอมรับว่าตลาดนี้เติบโตค่อนข้างมาก เอสซีจีเองโต100 % จากปีที่ผ่านมา และยังมีโอกาสในตลาดนี้ เพราะไทยมี 20 ล้านครัวเรือน เพิ่งติดหลังคาโซล่าเพียง 50,000 หลังเท่านั้น ดังนั้นผู้ประกอบการโซลาร์รูฟท็อปจึงมีทุกระดับ รายใหญ่ก็จะเข้าเซ็กเมนต์โรงงานเป็นโซลาร์ฟาร์ม รายเล็กก็จะลงระดับบ้าน โดยแทบจะทุกธนาคารก็มีสินเชื่อโซลาร์รูฟท็อปให้เลือกหลายแบบผ่อนหลายเดือน นับเป็นการช่วยสร้างตลาดนี้ให้ขยายตัวได้มากขึ้น”

วิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทลกล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมาก ๆ ในช่วงนี้ที่มีการแข่งขันด้านราคา คือการเลือกใช้สินค้า มาตรฐานอุปกรณ์ สายไฟมาตรฐาน รวมถึงการติดตั้ง บริการหลังการขาย ด้วยแบรนด์เอสซีจีจะดูเรื่องคุณภาพและบริการหลังการขายอย่างสำคัญมาก

“ส่วนปลายทางของแผงโซล่าร์ที่ใช้ไม่ได้แล้ว มี 2 ทางเลือกคือ หนึ่งรีไซเคิล เอสซีจีตามนวัตกรรมรีไซเคิลอยู่แต่ปัจจุบันมีต้นทุนที่สูงมากเกินไป อีกทางเลือกหนึ่งคือทรีตแล้วนำกลับไปกำจัดที่โรงปูนให้เป็นพลังงาน ถือว่าเป็นการกําจัดแบบที่เรียกว่าสะอาดที่สุด” วิโรจน์ กล่าวในท้ายที่สุด

 

You Might Also Like