27-28 พฤษภาคม 2566…เป็นไปตามแผนธุรกิจ 5 ปี (2566-2570) ครอบคลุมทั้งมิติ People และ Planet พร้อมเดินหน้าตามแผนและเตรียมเผย Green Initiatives ใหม่ ๆ
นภารัฒน์ ศรีวรรณวิทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง และ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมกันเปิดเผยถึงแผนการลงทุนทางธุรกิจอย่างยั่งยืน 5 ปี โดยเงินลงทุนจำนวนดังกล่าวประมาณ 80% จะเกี่ยวโยงทางด้านสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมายสู่ NET Zero 2050 เช่น
-Energy การใช้พลังงานสะอาด ติดตั้ง Solar Rooftop สำเร็จแล้ว 50% ของจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด โดยในปี 2024 จะติดตั้งให้ครบทุกสาขา 100%,
-Water ลดการใช้น้ำ ใช้น้ำซ้ำ และนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมติดตั้งระบบผลิตน้ำรีไซเคิล จำนวนรวม 19 โครงการ
-Waste สามารถแปลงขยะเพื่อลดปริมาณขยะฝังกลบได้ปริมาณกว่า 18,000 ตัน สัมฤทธิ์ผลที่ร้อยละ 127 เทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
-Air ดูแลคุณภาพอากาศให้ได้มาตรฐาน และยกระดับมาตรการ PM2.5
“การเป็น The Ecosystem for All ดูแลการใช้ชีวิต 360 องศา เป็นความรับผิดชอบของเซ็นทรัลพัฒนา เมื่อลูกค้าจะมาใช้ชีวิตอยู่กับเรา หรือมาใช้บริการต่าง ๆ ในพื้นที่ของเรา ลูกค้าจะต้องมีความมั่นใจกับเราในสิ่งที่เรามอบให้ และลูกค้าก็มั่นใจว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างสังคมที่ยั่งยืน และเมื่อมั่นใจเช่นนี้ก็จะกลับมาใช้บริการ ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนของเราและสร้าง Traffic ได้เพิ่มขึ้น”
นภารัฒน์ขยายความต่อเนื่องการจะใช้เงินลงทุนประมาณ 20-30%เพื่อชุมชนและสังคม เช่นส่งเสริมการจ้างงานท้องถิ่นจากหลายโครงการที่มีอยู่ให้ขยายหลายจังหวัด มอบพื้นที่ตลาดจริงใจฟาร์เมอร์มาร์เก็ตในศูนย์การค้า 18 สาขา เป็นการเปิดพื้นที่ให้เกษตรกร รวมถึงเปิดพื้นที่ค้าขายให้ SMEs ปีละกว่า 100,000 ตรม. นอกจากนี้โครงการใหม่ ๆ เน้นเพิ่มพื้นที่สาธารณะ พื้นที่สีเขียว และขับเคลื่อนสนับสนุนความเทียมLGBTQIAN+
ดร.ณัฐกิตต์ กล่าวว่าเรื่องของ Sustainable Development เป็นแกนหลักของบริษัทชั้นนำทั่วโลก ซึ่งเซ็นทรัลพัฒนามี Brand Purpose คือ Better Future for All โดย Better Future จะต้องมีเรื่อง SD ในฐานะที่เซ็นทรัลพัฒนาเป็นองค์กร Purpose-Driven ที่พยายาม Engage ลูกค้าและศูนย์การค้า
“เรามีคนมาเดินปัจจุบันในศูนย์การค้า 1.8 ล้านคน แต่ใน Ecosystem ทั้งหมดของเรามีศูนย์การค้า คอนโดฯ บ้าน มากกว่า 2 ล้านคนต่อวันถือเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องทำหน้าที่นี้ให้กับโลก ปัจจุบันโลกร้อนขึ้นมากปีนี้เห็นชัดเจนผลกระทบของเอลนีโญเกิดภัยแล้ง และเรื่องของพลังงานที่เราเจออยู่ขณะนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่เราต้องลุกขึ้นมาทำให้เกิด Green Community เพื่อทำให้คนได้รับรู้ในเรื่องนี้ เซ็นทรัลพัฒนามีหน้าที่ Educate-Enable-Engage ให้เข้ามาสู่ Green Citizens โดยเรามีพันธมิตรมากมายที่มาร่วมทำเรื่องนี้ เพราะโลกไม่เหมือนเดิม เราต้องช่วยกันรักษาโลกนี้ไว้เพื่อให้ลูกหลานเราอยู่ในโลกนี้ได้ต่อไป”
แบรนด์เซ็นทรัลพัฒนาในวันนี้ นอกจากจะมีรางวัลด้านความยั่งยืนทั้งในประเทศและระดับโลกอย่าง DJSI ติดต่อกัน 9 ปีแล้ว สำหรับนักลงทุนในประเทศยังให้ความสนใจลงทุนมากขึ้น ส่วนนักลงทุนจากสถาบันต่างประเทศให้ความสำคัญต่อเรื่องความยั่งยืน จากคำถามในเรื่องนี้ที่มีมากขึ้นนอกจากผลประกอบการทางธุรกิจปกติ
“คาดว่าในอนาคตเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะกลายเป็นเรื่องหนึ่งในการตัดสินใจการลงทุน มีหลายกองทุนที่ใช้เรื่องนี้เกณฑ์ เพราะจะเป็นการตอบโจทย์ว่า หากนักลงทุนลงกับบริษัทที่เน้นความยั่งยืน เขาจะมั่นใจว่าเราจะมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในอนาคต อยู่กับเราแล้วมั่นใจ เซ็นทรัลพัฒนาขยายความมั่นใจตรงนี้เพิ่มเติม และขยายวงมากขึ้น และเราได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำที่ทำเรื่องนี้ได้ดี เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น มีคนที่ถามเรื่องนี้โดยเฉพาะ และใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาจะลงทุนหรือไม่ลงทุน” นภารัฒน์กล่าวในท้ายที่สุด