29 ธันวาคม 2563…การส่งออกมีขั้นตอนมาก และต้องเรียนรู้ที่จะนำเครือข่ายมารวมกัน นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หากทำได้การเกษตรจะยั่งยืน
“เวทีประกวดเกษตกรสำนึกรักบ้านเกิด” ปีนี้ ดีแทค กรมส่งเสริมการเกษตร และมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด ทำงานร่วมกับ EXIM BANK เป็นครั้งแรก ซึ่ง EXIM BANK นอกจากจะมีภารกิจหลัก ๆ คือเพิ่มโอกาสทางการตลาดและศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกของผู้ประกอบการภาคเกษตร โดยการใช้ความเชี่ยวชาญขององค์กรในการบ่มเพาะผู้ประกอบการไทยให้สามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าเพื่อส่งออกและขยายตลาดส่งออกไปต่างประเทศได้มากขึ้นแล้ว ภารกิจที่กล่าวถึง จะถูกนำมาช่วยเหลือสังคม เช่นใน “เวทีประกวดเกษตกรสำนึกรักบ้านเกิด” ปีนี้
พิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พาร์ทเนอร์สำคัญของโครงการนี้ กล่าวว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคตามวิถีการดำเนินชีวิตในรูปแบบ New Normal โดยธนาคารมีบริการสนับสนุนทั้งด้านความรู้ การเงิน การให้คำปรึกษาและจับคู่ธุรกิจ เพื่อเสริมสภาพคล่องและความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในการเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออกอย่างมั่นใจและแข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างยั่งยืน
ภายใต้การแข่งขันของตลาดโลก “คุณภาพ” ถือเป็นจุดขายหลักในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดของสินค้าเกษตร ชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค มองว่าเกษตรกรไทยจำเป็นต้องมีทักษะสำคัญ 3 เรื่องคือ รู้จักทำเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech) ผสานเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเสริมศักยภาพทั้งในแง่การเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และการควบคุมคุณภาพ (Quality control) ทำให้การลงทุนมีความแม่นยำมากขึ้น ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจ
“ที่ผ่านมา ดีแทคร่วมกับมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิดในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อติดอาวุธทางความรู้แก่เกษตรกรไทยมากว่า 10 ปี ล่าสุดเรามีการเปิดตัวแอป Kaset Go โดยความร่วมมือกับยารา ประเทศไทย ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์ของเกษตรกรตัวจริง เป้าหมายคือให้เกษตรกรได้รับข้อมูลความรู้ที่ทันสมัย เข้าใจง่าย และตรงต่อความต้องการเฉพาะราย”
บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด เสริมว่าการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิดในปีนี้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนายกระดับเกษตรกรให้มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนในทุกมิติ ผ่านการส่งเสริมยกระดับเกษตรกรสู่การเป็น “ผู้ประกอบการ” ที่เข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในระดับสากลได้ จึงเป็นที่มาของแนวคิดหลักของการประกวดภายใต้กรอบ “การเกษตรเพื่อการส่งออก” เพื่อยกระดับเกษตรกรสู่การเป็นผู้ประกอบการที่มีความพร้อมด้านการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐานสู่ระดับโลก
“ที่เราเลือกเรื่องของการส่งออกในปีนี้เพราะถือเป็นเรื่องท้าทาย ปีนี้เราจึงเน้นที่เรื่องของการส่งออกเพราะมีขั้นตอนมาก ซึ่งถ้าเราทำได้จะกลายเป็นความยั่งยืนถาวรและความมั่งคั่งทางการเกษตรมากขึ้น ต่อไปคนที่จะอยู่รอดไปข้างหน้าต้องเรียนรู้ที่จะนำเครือข่ายมารวมกัน นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในอนาคตเทคโนโลยีที่เกิดจากมือถือจะสามารถช่วยคนทั้งโลกได้แต่เขาต้องผ่านโดยการรับรองจากในประเทศแล้ว”
เกณฑ์การคัดเลือก
คณะกรรมการฯ จะพิจารณาจากองค์ประกอบ 4 มิติ ได้แก่
1.คุณสมบัติส่วนบุคคล โดยมีความรู้ด้านการเกษตร สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ได้ และมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
2.สินค้าและบริการ มีแบรนด์ชัดเจน มีความโดดเด่นน่าสนใจ มีมาตรฐานรับรอง และมีความพร้อมในการส่งออก
3.การจัดการ มีการจัดการที่เป็นระบบครบวงจร ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมีรายได้จากการประกอบการชัดเจน
4.ชุมชน มีจิตสำนึกรักบ้านเกิด มีการรวมกลุ่มเชื่อมโยงเครือข่าย และมีความมุ่งมั่นพัฒนาการเกษตรให้เกิดความยั่งยืน
สำหรับครั้งนี้ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ เสาวลักษณ์ มณีทอง จากสวนปันแสน จังหวัดตาก เกษตรกรผู้ผลิตสมุนไพรส่งออกไปอเมริกา ศรีลังกา และออสเตรเลีย เสาวลักษณ์ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของสมุนไพรไทย ด้วยการนำสมาชิกในชุมชนกว่า 300 รายมาผลิต “สมุนไพรไทยไร้สารเคมี” มาตรฐานสากล รวบรวมและแปรรูป สร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อนำสมุนไพรไทยสู่สากล ทำการตลาดควบคู่การผลิต พัฒนา วิจัย ต่อยอดผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความแตกต่าง ด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์ให้ชุมชนมีรายได้ที่น่าพอใจ ไม่เอาเปรียบเกษตรกร คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่า มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากร มีการวางแผนการเพาะปลูกอย่างเป็นระบบ แปรรูปเอง ขายเอง ทำการตลาดเอง สามารถกำหนดราคาตลาดได้เองจนชุมชนมีรายได้อย่างยั่งยืน
หลังเรียนจบแล้วแม้ช่วงแรกเสาวลักษณ์จะยังคงทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ แต่อย่างไรก็ตามความตั้งใจที่จะกลับบ้านเกิดเพื่อนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมายังคงมีอยู่ และถึงตอนนี้เสาวลักษณ์กลับบ้านมาได้มากกว่า 7 ปีแล้วเพื่อมาพัฒนา “สมุนไพรไทยไร้สารเคมี” ให้ได้มาตรฐานสากล
“เราเชื่อว่าอะไรที่เป็นมาตรฐานจะทำให้ลูกค้าเชื่อถือ จริง ๆ แล้วสิ่งที่ทำมันเป็นเรื่องยากแต่ถ้าความยากจะพิสูจน์คุณค่าของเราเราก็พร้อมจะทำ เราค่อย ๆ ทำมาทีละนิดไม่ได้ทำในวันเดียว เรามีความตั้งใจว่าถ้านี่คือทางออกที่ทำให้เราทำการตลาดได้อย่างมั่นคง ลูกค้าเชื่อถือได้ก็ต้องช่วยกันทำ จริง ๆ ต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นเครือข่ายของเราทุกอย่างเกิดจากความร่วมมือของพวกเราทั้งหมดรวมถึงองค์กรต่าง ๆ ที่เข้ามาสนับสนุนเราด้วย จากวันนี้ถ้าคนเห็นคุณค่าของเรามากขึ้น เราก็จะยิ่งทำให้ดีมากขึ้นไปอีก”
ด้วยคุณภาพ และการมีใบรับรองระดับสากล ซึ่งเกษตรกรทุกคนรู้ดีว่า กว่าจะได้ใบรับรองดังกล่าวมาได้ จะต้องเกิดจากความตั้งใจ พร้อมกับลงมือทำงานหนักมาก ๆ มีความอดทนสูง สิ่งเหล่านี้ทำให้เสาวลักษณ์และเครือข่ายมีลูกค้าจากต่างชาติมาสั่งสินค้าโดยพร้อมจ่ายเงินก่อนเพื่อรอผลผลิต เนื่องจากลูกค้าจะชื่นชมสมุนไพรที่สดและเป็นอินทรีย์ในแบบที่ทำอยู่