CSR

RE.UNIQLO ส่งต่อ “เสื้อกันหนาวในความฝัน” 50,000 ตัว ให้ผู้ประสบภัยหนาว

9 กันยายน 2566…CSR ของยูนิโคล่ ประเทศไทย หวังจะลดจำนวนเสื้อผ้าที่กลายเป็นขยะฝังกลบในประเทศไทย ส่งต่อไปยังผู้ที่ต้องการประสบภัยหนาวผ่าน 3 องค์กร มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR ที่จะเป็นตัวแทนส่งมอบเสื้อหนาวที่ได้รับการบริจาคจากยูนิโคล่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 – กุมภาพันธ์ 2567

มร. โยชิทาเกะ วาคากุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความสำคัญของการบริจาคเสื้อกันหนาวในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายระยะกลางของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ตั้งแต่ปี 2566 – 2568 ภายใต้โครงการ RE.UNIQLO ซึ่งบริษัทได้เล็งเห็นถึงปัญหาและช่วยเหลือสังคมไทย ในเรื่องของจำนวนเสื้อผ้าที่กลายเป็นขยะฝังกลบในประเทศไทย และการขาดแคลนเสื้อผ้ากันหนาวของผู้ประสบภัยหนาวทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่อากาศบนดอยหนาวเย็นกว่าปกติ

ทั้งนี้ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร มีความต้องการเสื้อกันหนาวแห่งละ 20,000 ตัว และอีก 10,000 ตัวสำหรับ UNHCR โดยทั้ง 3 องค์กร กล่าวตรงกันว่า ในช่วงภัยหนาว จำวนคนที่ทั้ง 3 องค์กรดูแลนั้น ต่างก็มี “เสื้อกันหนาวในความฝัน” โดยเสื้อกันหนาวที่กล่าวถึงอาจจะดูธรรมดามาก ๆ สำหรับคนเมืองเช่น เสื้อยืดแขนยาว แต่เป็นสิ่งที่ต้องการของผู้ประสบภัยหนาวที่สุด

ตัวแทนทั้ง 3 องค์กร รวมถึงญาญ่า เล่าถึงประสบการณ์การขึ้นดอยเพื่อบริจาคเสื้อกันหนาวให้ผู้ประสบภัย โดย 1 ใน 3 องค์กรยอมรับ เสื้อผ้าของยูนิโคล่ใช้งานได้นานมาก …ทั้งนี้หลังจากการบริจาคแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาคือ รอยยิ้มและแววตาของผู้รับบริจาคที่แสดงความขอบคุณที่สุด

การดำเนินโครงการ CSR ครั้งนี้ นับเป็นความต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มโครงการ UNIQLO Recycling Clothes Donation ในปี 2558 ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ปัจจุบัน ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ได้ส่งต่อเสื้อผ้าที่ได้รวบรวมจากลูกค้าทั่วประเทศมากกว่า 194,273 ชิ้น ให้กับองค์กรพันธมิตรต่างๆ ในระดับท้องถิ่น ส่วนกิจกรรมอื่นเช่น การช่วยเหลือฉุกเฉิน การบริจาคเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นสำหรับเหตุการณ์น้ำท่วม ที่จ.อุบล ในปี 2565 เหตุการณ์โกดังเก็บพลุระเบิดที่ อ. สุไหงโก-ลก จ. นราธิวาส และ การบริจาคหน้ากากอนามัยในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านม การสนับสนุนกิจกรรมการแข่งขันการเก็บขยะ SPOGOMI World Cup

“เป้าหมายระยะกลางของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ตั้งแต่ปี 2566 – 2568 มุ่งสู่ บริษัทร่วมทุนที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้น SDGs เป้าหมายที่ 3 สร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย เป้าหมายที่ 14 อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และ เป้าหมายที่ 15 ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนต่อสู้การกลายสภาพเป็นทะเลทราย หยุดการเสื่อมโทรมของที่ดินและฟื้นสภาพดิน และหยุดยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ”

มร. โยชิทาเกะ วาคากุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด

มร. โยชิทาเกะ ขยายความต่อเนื่อง ถึงสิ่งที่ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ลงมือทำแล้ว เช่นการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% (IREC) ทั้งร้านสาขา และ สำนักงานใหญ่ UNIQLO Recycling Clothes Donation ภายใต้โครงการ RE.UNIQLO แผนงานความร่วมมือกับมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดภาวะโลกร้อนกจากก๊าซเรือนกระจก เพิ่มสัดส่วนการผลิตสินค้าที่ผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืน

“นวัตกรรมผลิตสินค้าที่ผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืนตั้งแต่ต้นทางหลายเรื่องได้นำมาใช้แล้วเช่น การรีไซเคิล PET ใช้ในเสื้อผ้าของยูนิโคล่ หรือเลือกวัสดุที่ใช้น้ำน้อยลงในการทอเส้นใยเช่นกางเกงยีนส์ยูนิโคล่ที่ใส่ตัวนี้ โดยนวัตกรรมวัสดุที่ยั่งยืนขณะนี้มีการใช้แล้ว 5% ของเสื้อผ้ายูนิโคล่ทั้งหมด เราหวังขยายการใช้มากขึ้นไปถึง 50% ของเสื้อผ้ายูนิโคล่ทั้งหมดให้ได้”

ล่าสุดเพื่อเป้าหมายและแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืนในปีงบประมาณ 2030 ของฟาสต์ รีเทลลิ่ง ผลิตเสื้อผ้าที่ดีสำหรับผู้คนและสังคม และผลิตเสื้อผ้าที่ดีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) กำลังเตรียมเปิดตัว RE.UNIQLO STUDIO ที่ร้านยูนิโคล่ เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นสาขาแรกในประเทศไทย ภายใต้คอนเซปต์ Repair/Remake/ Reuse/Recycle เพื่อโดยนำเสื้อผ้ากลับมาซ่อมแซมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ต่ออายุการใช้งาน และนำไอเทมโปรดกลับมาใช้หมุนเวียนอีกครั้ง ด้วยเทคนิคการตัดเย็บด้วยมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หรือ ที่เรียกว่า Sashiko มาให้บริการด้วยเช่นกัน

UNIQLO THE POWER OF CLOTHING

 

“ยูนิโคล่ ยังคงเดินหน้ากิจกรรมด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายในการทำให้คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของคนไทยดียิ่งขึ้น เพราะผลลัพธ์ที่เราลงมือทำนั้นมีทั้งที่เห็นผลเลยในระยะสั้น และต้องรอผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ให้คำมั่นว่าเราจะยืนหยัดกิจกรรมด้านความยั่งยืนพร้อมลงมือทำจริง เพื่อสังคมไทยที่น่าอยู่ไปด้วยกัน” มร. โยชิทาเกะ กล่าวในท้ายที่สุด

 

You Might Also Like