การเงินมั่นคง ความสุขทางการเงิน เริ่มต้นที่วัฒนธรรมองค์กร

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดงาน Happy Money Sharing for Financial Well-Being 2025

7 มิถุนายน 2568…“ความสุขทางการเงิน” ไม่ใช่แค่การมีรายได้มากขึ้น แต่คือการเข้าใจ บริหาร และสร้างวินัยทางการเงินที่ดี เพื่อให้ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวเดินไปพร้อมกันอย่างสมดุล และนั่นคือเป้าหมายของซึ่งขับเคลื่อนผ่านความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ

ความรู้คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

ภายในงาน มีการนำเสนอแนวทางการพัฒนาทักษะทางการเงินในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการสร้าง “วัฒนธรรมการเงิน” ในที่ทำงานให้กลายเป็นเรื่องปกติขององค์กร ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่เข้าใจง่าย ฝึกฝนได้จริง และนำไปใช้ได้ทันทีในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการออม การลงทุน หรือการวางแผนเกษียณ โดยยึดแนวคิดหลักว่า “การมีวินัยทางการเงิน เท่ากับ ความสุขที่ยั่งยืน”

“ความรู้ทางการเงินไม่เพียงพอ หากไม่ลงมือทำจริงในชีวิตประจำวัน” พรรณวดี ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาความรู้ตลาดทุนและหัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าว

การเงินที่ดี = คุณภาพชีวิตที่ดี = องค์กรที่แข็งแรง

หนึ่งในจุดเด่นของงานนี้คือการแชร์แนวคิดและแนวทางจากองค์กรต้นแบบ ที่ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการเงินพนักงาน เช่น การจัดอบรมในองค์กร (In-House Training) โครงการพี่เลี้ยงทางการเงิน (Financial Buddy) และการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน SET e-Learning ที่มีมากกว่า 165 หลักสูตร ครอบคลุมการวางแผนการเงิน การลงทุน และการใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างมั่นคง

เศรษฐพล ธรรมจินดา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน เสริมว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาเนื้อหาและเครื่องมือที่ตอบโจทย์หลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่พนักงานระดับเริ่มต้นจนถึงผู้บริหาร เพื่อช่วยให้ “สุขภาพทางการเงิน” กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “วัฒนธรรมองค์กร”

จากพนักงาน…สู่ครอบครัวและสังคม

วัฒนธรรมทางการเงินไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัว แต่มันส่งผลต่อความมั่นคงของครอบครัว และส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีสู่สังคมโดยรวม ซึ่งเป็นหัวใจของแนวคิด Happy Money ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้ำเสมอว่า “สุขเงินสร้างได้” หากมีระบบสนับสนุนจากองค์กร และมีช่องทางเรียนรู้ที่เข้าถึงง่าย

“การสร้างพลังใจให้พนักงานผ่านความมั่นคงทางการเงิน จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

เงินติดล้อ: ปลุกพลัง “ความรู้ทางการเงิน”

จากวันแรกของการทำงาน สู่ชีวิตหลังเกษียณร่วมสร้างวัฒนธรรมการเงินในองค์กร เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ในยุคที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจกลายเป็นเรื่องใกล้ตัว การมี “วินัยทางการเงิน” จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทักษะจำเป็นในชีวิตและการทำงาน

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR คือหนึ่งในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานทางการเงินแก่พนักงานทุกช่วงวัย ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นระบบ และต่อเนื่อง

“ตั้งแต่วันแรก…ต้องรู้เป้าหมายเกษียณ” มิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร ผู้จัดการงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)กล่าวต่อเนื่อง บมจ. เงินติดล้อ เชื่อว่า “ความรู้ทางการเงิน” คือรากฐานที่มั่นคงของชีวิต ดังนั้นองค์กรจึงเริ่มปลูกฝังแนวคิดนี้ตั้งแต่วันแรกของการทำงาน โดยให้พนักงานเข้าใจว่า “เป้าหมายเกษียณ” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว พร้อมเสริมทักษะทางการเงินในแต่ละช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการใช้เงิน การออม การลงทุน หรือการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)

ในช่วงใกล้เกษียณ พนักงานยังได้รับการส่งเสริมทักษะอาชีพ เพื่อให้ใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมั่นใจ ขณะเดียวกันพนักงานที่ยังอยู่ในช่วงสร้างตัว ก็ได้รับโอกาสเข้าถึงความรู้ และคำแนะนำแบบรายบุคคล

จากการสำรวจของบริษัทฯ พบว่า 1 ใน 4 ของพนักงานต้องการรับคำปรึกษาทางการเงินจึงเป็นที่มาของการเข้าร่วม โครงการ “Happy Money พี่เลี้ยงการเงิน” ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยฝึกพนักงานให้เป็น “พี่เลี้ยง” ที่สามารถให้คำปรึกษาและส่งต่อความรู้แก่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“การเริ่มต้นอาจไม่ง่าย แต่การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ด้านการเงินอย่างต่อเนื่องจะทำให้เรื่อง ‘การเงิน’ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว”

การเงินที่ดี สร้างพนักงานที่แข็งแรงเมื่อพนักงานเข้าใจและสามารถจัดการการเงินของตนเองได้ดี ก็จะเกิดแรงใจ แรงกาย และแรงศรัทธาในการทำงาน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของครอบครัว และขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

แนวคิด “เราเติบโตไปพร้อมกัน” ไม่ใช่แค่สโลแกน แต่คือการลงทุนใน ทุนมนุษย์ (Human Capital) ผ่าน ความรู้ทางการเงิน อย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นรูปธรรมของการสร้าง วัฒนธรรมการเงินในที่ทำงาน ที่ส่งผลในระยะยาวทั้งต่อพนักงาน องค์กร และสังคมโดยรวม

กรุงไทย: วางรากฐานสุขภาพการเงินที่มั่นคง

สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พนักงาน “ใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ” และ “ทำงานได้เต็มที่” ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตระหนักดีว่า “สุขภาพทางการเงิน” ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนบุคคล แต่คือ รากฐานขององค์กรที่ยั่งยืนเมื่อพนักงานสามารถจัดการการเงินได้ดี ย่อมมีแรงใจและสมาธิในการทำงาน สร้างผลลัพธ์ที่ดีกลับคืนสู่องค์กรและสังคม

“เราสร้างวัฒนธรรมที่เปลี่ยนทัศนคติ สู่ความมั่นคงในชีวิตจริง” หทัยรัตน์ สาทสินธุ์ หัวหน้าส่วน ผู้บริหารงาน ฝ่ายกลยุทธ์ทรัพยากรบุคคลและองค์กร ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กรุงไทยได้เริ่มสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนให้พนักงานมีชีวิตที่มั่นคงทางการเงิน ผ่านการสำรวจพฤติกรรมการเงิน วิเคราะห์ช่องว่าง พร้อมจับมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ทางการเงิน มีกระบวนการเรียนรู้และเครื่องมือที่เหมาะสมกับพนักงานทุกกลุ่ม

เพื่อให้การส่งเสริมไม่เป็นเพียงกิจกรรมเฉพาะกลุ่ม กรุงไทยจึงวางกลยุทธ์ใน 5 ด้านหลัก

Raise Awareness สื่อสารความรู้ทางการเงินในรูปแบบเข้าใจง่าย เช่น คลิปสั้น ข้อความชวนคิด และ Infographic สื่อสารผ่านแพลตฟอร์มที่พนักงานใช้งานจริง

Engagement กระตุ้นการมีส่วนร่วม เช่น กิจกรรมบนแอปภายในองค์กร ทำภารกิจเก็บเหรียญแลกรางวัล เพื่อสร้างแรงจูงใจอย่างสนุกและใกล้ตัว

Build Financial Literacy เสริมความรู้ในรูปแบบ Gamification และ Campaign Learn & Earn ผ่านการเชิญวิทยากรมา Live แลกเปลี่ยนประสบการณ์ พร้อมเฟ้นหา Top Learner มาแชร์ความรู้ต่อ

Create Change Agents สร้าง “พี่เลี้ยงทางการเงิน” จากในองค์กร พร้อมสนับสนุนให้สามารถให้คำปรึกษาเพื่อนร่วมงานได้จริง

Expand Knowledge พัฒนา ระบบจัดการองค์ความรู้ (KM) ที่เข้าถึงง่าย และนำไปต่อยอดได้ในระยะยาว

“ทุกกิจกรรมเน้นให้พนักงาน รู้ ใช้ และส่งต่อความรู้ทางการเงิน อย่างมีคุณภาพ”

ผลลัพธ์ที่ได้คือ พนักงานเริ่มสามารถวางแผนอนาคตทางการเงินได้ด้วยตัวเอง มั่นใจในชีวิตการทำงาน และพร้อมสร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มศักยภาพ

กรุงไทยจึงไม่เพียงสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในองค์กรต้นแบบที่ เปลี่ยน “ความรู้ทางการเงิน” ให้กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งการดูแลชีวิตพนักงานแบบองค์รวม

PVD: ปักหมุดความมั่นคงในวัยเกษียณ

บทบาท HR กับการสร้างวัฒนธรรมการออมอย่างยั่งยืน แม้ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” (PVD) จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับการออมเพื่อวัยเกษียณ แต่ปัจจุบันยังมีข้อท้าทายหลายด้านที่องค์กรต้องเผชิญ

ผศ.ดร.รุ่งเกียรติ รัตนบานชื่น กรรมการและเลขานุการ สมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เปิดเผยว่า อัตราพนักงานที่เข้าร่วมลงทุนใน PVD ยังต่ำ จำนวนสมาชิกและกองทุนมีแนวโน้มลดลง อีกทั้งบางองค์กรยังขาดความยืดหยุ่นในการออกแบบกองทุน ทางเลือกการลงทุนจำกัด และพนักงานจำนวนไม่น้อยยังมีความรู้ทางการเงินในระดับที่จำกัด

บทบาทสำคัญของ HR จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการบริหารเงิน แต่เป็นการวาง ยุทธศาสตร์ทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว ที่ต้องใส่ใจอย่างจริงจัง การสร้างวัฒนธรรม “รู้จักออมเพื่ออนาคต” ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน คือหัวใจสำคัญที่ทุกองค์กรต้องเริ่มลงมือ

Auto Enrollment เริ่มต้นแบบอัตโนมัติให้พนักงานเข้าร่วม PVD โดยอัตโนมัติเมื่อเริ่มงาน พร้อมสิทธิลาออกภายหลัง สร้างนิสัยการออมตั้งแต่เริ่มชีวิตการทำงาน

Employee’s Choice อิสระในการเลือก พนักงานควรสามารถเลือกแผนการลงทุนที่ตรงกับระดับความเสี่ยงของตนเอง ทั้งเสี่ยงต่ำ เสี่ยงกลาง และเสี่ยงสูง

Lifepath Strategy แผนตามช่วงวัย ปรับสัดส่วนสินทรัพย์ลงทุนโดยอัตโนมัติตามอายุ ช่วยให้พนักงานลงทุนอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงชีวิต

Post-Retirement Investment เงินเติบโตต่อหลังเกษียณ สนับสนุนให้พนักงานคงเงินไว้ในกองทุน PVD หลังเกษียณ เพื่อให้เงินเติบโตต่อ แทนการถอนมาพักในบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำ

“PVD ไม่ใช่แค่เรื่องของคนวัยใกล้เกษียณ แต่คือเครื่องมือที่ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ เพื่อความมั่นคงในวันข้างหน้า”

Happy Money สุขเงินสร้างได้

นอกจากแนวทางเชิงนโยบาย โครงการ Happy Money โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ ให้พนักงานมีโอกาสเรียนรู้ บริหารเงิน และเตรียมความพร้อมทางการเงินได้อย่างยั่งยืน

PVD คือระบบออมที่ยั่งยืน หากองค์กรออกแบบดี พนักงานมีส่วนร่วม และ HR ให้ความสำคัญ… อนาคตทางการเงินของคนทำงานไทยก็จะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป

โครงการ Happy Money สุขเงินสร้างได้ แหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีความมั่นคงทางการเงินได้อย่างยั่งยืน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *