AIS X ภาคีรัฐ-เอกชน ลุย “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ตัดวงจรมิจฉาชีพจากต้นทาง

10 พฤษภาคม 2568…ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อปกป้องประชาชนจากภัยทางเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ตอกย้ำการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งและปลอดภัยในการใช้งานดิจิทัลทุกมิติ

10 พฤษภาคม 2568…AIS เดินหน้าภารกิจป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อยกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศ โดยร่วมกับ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ กสทช. ประกาศความร่วมมือ รวมพลังเครือข่ายปลอดภัย ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” มุ่งเชิญชวนหน่วยงานทุกภาคส่วนรวมกว่า 100 องค์กร ผสานพลังตัดวงจรมิจฉาชีพตั้งแต่ต้นทาง ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อปกป้องประชาชนจากภัยทางเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ตอกย้ำการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งและปลอดภัยในการใช้งานดิจิทัลทุกมิติ

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวถึงการ Kick Off ปักหมุดประเทศไทยสู่ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ตัดวงจรมิจฉาชีพตั้งแต่ต้นทาง ขับเคลื่อนสังคมดิจิทัลปลอดภัยอย่างยั่งยืน

รัฐบาลเดินหน้ายกระดับ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” สร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัลให้ประเทศ มีการรับมือภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 แกนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้แก่ การพัฒนากฎหมาย, การประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน และการยกระดับความมั่นคงระดับชาติ

ทั้งนี้ ดำเนินการผ่านปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” มาตรการซีลชายแดน แก้ไขกฎหมายบัญชีม้า-ซิมม้า และการบูรณาการกับหน่วยงานสำคัญ เช่น กสทช., ธปท., ปปง., กระทรวงดิจิทัลฯ รวมถึงภาคเอกชน ธนาคาร โทรคมนาคม และแพลตฟอร์มดิจิทัล

รัฐบาลยังคงมุ่งสู่การสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย โดยขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อน “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ให้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างประเทศไทยที่ปลอดภัยในโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง

 

ปัจจุบัน อาชญากรรมไซเบอร์พุ่ง สร้างความเสียหายกว่า 8.9 หมื่นล้านบาท สังคมไทยกำลังเผชิญกับภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้น ทั้งการหลอกโอนเงินผ่านแอปฯ ปลอม การถูกดูดเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว และการล้วงข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางมิชอบ สร้างความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัล

 

จากสถิติการแจ้งความออนไลน์สะสม (1 มี.ค. 65 – 30 เม.ย. 68) มีคดีออนไลน์ถึง 887,315 เรื่อง ความเสียหายรวมกว่า 89,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 77 ล้านบาทต่อวัน สะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างรอบด้าน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และดำเนินการเชิงรุก โดยใช้เทคโนโลยี AI และระบบวิเคราะห์ธุรกรรมติดตามเส้นทางการเงิน พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลกับเครือข่ายภาคีทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ให้บริการโทรคมนาคม เช่น AIS

 

 

AIS ในฐานะผู้นำบริการดิจิทัลของประเทศ ยืนยันความมุ่งมั่นในการเป็น “แนวหน้า” ด้านการสร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์ให้กับประชาชน ภายใต้ภารกิจ “Cyber Wellness for THAIs” ผ่านการดำเนินงานหลากหลายมิติ ทั้งเชิงเทคโนโลยี การศึกษา และความร่วมมือกับทุกภาคส่วน

 

บริษัทได้ปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด เช่น การควบคุมเสาสัญญาณมือถือในพื้นที่ชายแดน, การลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงพัฒนานวัตกรรมเพื่อความปลอดภัย เช่น
สายด่วน 1185 AIS Spam Report Center
บริการ *“1185# แจ้งอุ่นใจ” สำหรับแจ้งเบอร์มิจฉาชีพ

ในด้านการให้ความรู้ AIS ได้จัดทำหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” และพัฒนา ตัวชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล (Digital Wellness Index) เพื่อยกระดับทักษะความเข้าใจภัยไซเบอร์ในสังคมไทย

AIS เชื่อว่าความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ใช่หน้าที่ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็น ความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งระบบ (Ecosystem) โดยภายใต้แนวคิด “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ได้ดำเนินการผ่านโมเดล 3 ประสาน:

-Educate: สร้างการเรียนรู้และทักษะให้เครือข่ายทั่วประเทศ

-Collaborate: ผนึกกำลังทุกภาคส่วน รัฐ-เอกชน-ประชาชน

-Motivate: เร่งรัดกติกา มาตรการ และกฎหมายเพื่อป้องกันภัยอย่างเป็นรูปธรรม

“เราขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมเดินทางก้าวสำคัญนี้ไปด้วยกัน และเชื่อมั่นว่าเมื่อทุกฝ่ายมีเป้าหมายร่วมกัน สังคมดิจิทัลที่มั่นคงและปลอดภัยจะเกิดขึ้นได้จริง เพื่ออนาคตที่ดีของคนไทยทุกคน” สมชัย กล่าวทิ้งท้าย