พฤศจิกายน 10,2025…COP30 จะมีการผลักดันประเด็นใหม่ เรื่องการมีส่วนร่วมของป่าไม้เขตร้อน เป็นประเด็นสำคัญ โดยจะทำให้ไทยมีบทบาท ผ่านการผลักดันจากการจัดตั้งพันธมิตรป่าไม้เขตร้อนระหว่าง แอมะซอน-คองโก-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด COP30 จะเป็นเวทีให้เกิดการผลักดันราคาคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ขั้นต่ำที่ 30 – 50 ดอลลาร์สหรัฐ/tCO2eq ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายในไทยราว 4.25 เท่า และไทยมีศักยภาพผลิตคาร์บอนเครดิตได้ราว 20–30 MtCO2eq/ปี
ไทยควรใช้โอกาสนี้ในการใช้ประโยชน์จากป่าไม้ให้เป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองในการเข้าถึงกลไกทางการเงินใหม่ด้านป่าไม้ ได้แก่ Tropical Forest Finance Mechanism รวมถึงพัฒนากฎระเบียบ และมาตรฐานเพื่อต่อยอดการเข้าถึงตลาดคาร์บอนระหว่างประเทศ
การประชุม COP30 (2025 United Nations Climate Change Conference)
สถานที่: เมืองเบเล็ง (Belém), บราซิล
ระยะเวลา: 10 – 21 พฤศจิกายน 2025
ผู้เข้าร่วม: 190 ประเทศภาคีของ UNFCCC
ประเด็นพูดคุยใน COP30
1.ประเด็นผลักดันพิเศษในการประชุม COP30
ประเด็นเรื่อง “การมีส่วนร่วมของป่าไม้เขตร้อน” (Tropical Forests Involvement) เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการประชุม เนื่องจากบราซิลเป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดการประชุม COP30 ในครั้งนี้ และตั้งอยู่ในภูมิภาคแอมะซอนซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศเขตร้อนของโลก
นอกเหนือจากแอมะซอน ยังมีการรวบรวมป่าเขตร้อนในพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลก เพื่อทำให้ประเทศเจ้าของป่ามีบทบาทมากขึ้นในฐานะผู้ปกป้องคาร์บอนของโลก และได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม โดยมีการจัดตั้งพันธมิตรป่าไม้เขตร้อน (Three Basins Initiative) ระหว่างแอมะซอน คองโก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1 (Coalition of the Three Basins) อย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมมือด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาการเงินเพื่อป่าไม้เขตร้อน (Tropical Forest Finance) และสร้างอำนาจการเจรจาและต่อรองทำให้แอมะซอน–คองโก–เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะได้รับความสำคัญ COP30 ครั้งนี้

2.อัพเดทสถานการณ์และประเด็นสืบเนื่อง
นอกจากนี้ ในการประชุม COP30 จะมีการประกาศแผนการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศที่แต่ละประเทศกำหนด (Nationally
Determined Contributions: NDCs) ชุดใหม่ (ปี 2025–2035) ของทุกประเทศ และการพูดคุยในประเด็นสืบเนื่องจากการประชุมครั้งก่อนๆ ได้แก่ การจัดตั้งกลไกการเงินใหม่ New Collective Quantified Goal (NCQG) การดำเนินการตามข้อตกลง Loss and Damage Fund การเร่งการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด (Just Energy Transition
ทำไม “ป่าไม้เขตร้อน” จึงสำคัญใน COP30
ป่าไม้เขตร้อน (Tropical Forests) ใน แอมะซอน–คองโก–เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุมพื้นที่รวมกันกว่า 1.1 พันล้านเฮกตาร์ (ประมาณ 6.88 พันล้านไร่)
เป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนมากที่สุดในโลก — ประมาณ 4-5 พันล้านตัน CO2 เทียบเท่า (GtCO2eq) /ปี 2
ป่าเขตร้อน 3 แห่งดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกทำลายและเปลี่ยนใช้ที่ดิน (deforestation) เพื่อเกษตรกรรม เหมือง และพลังงานชีวภาพ และกำลังทำให้ป่าเขตร้อนเป็นแหล่งปล่อย CO2 สุทธิ (Net Positive Carbon Source)
บราซิล อินโดนีเซีย และคองโก เป็น 3 ประเทศที่มีการปล่อย CO2 จากการตัดไม้เพื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากที่สุด (Land-Use Change Emission) ประมาณ 2.5 GtCO2eq/ปี หรือประมาณ 60% 3
ประเด็นด้านการเงินป่าไม้
1.Tropical Forest Finance Mechanism
จะมีการเสนอให้จัดตั้งกองทุนป่าไม้เขตร้อนเพื่ออนาคต (Tropical Forests Forever Fund: TFFF) เป็นกองทุนเฉพาะสำหรับประเทศป่าเขตร้อน
แหล่งเงินทุน: กลไกการเงินใหม่ (NCQG), ภาษีคาร์บอนระหว่างประเทศ, กลไก Article 6.2 และ 6.4 ของข้อตกลงปารีส โดยตั้งเป้าหมายเงินทุน 250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030
หลักเกณฑ์: ต้องรักษาพื้นที่ป่าเดิมอย่างน้อย 90%, ต้องมีระบบ MRV (Monitoring, Reporting, Verification) ที่โปร่งใส
2.กลไกคาร์บอนเครดิตประเภทป่าไม้ (REDD+ 2.0) 4
ชุมชนท้องถิ่นจะมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากคาร์บอนเครดิต ผลักดันและสนับสนุนการใช้ดาวเทียมและ AI เพื่อตรวจสอบพื้นที่ป่า
เรียกร้องการกำหนดราคาคาร์บอนขั้นต่ำสำหรับคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ 30 – 50 USD/tCO2eq ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายในประเทศไทยราว 4.25 เท่า
โอกาสประเทศไทย
ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการเข้าถึงกองทุน NCQG, นำป่าเขตร้อนไปรวมในกลไก Article 6 ของข้อตกลงปารีส และการเชื่อมโยงการค้าคาร์บอนในภูมิภาค ผ่านการมีส่วนร่วมในเครือข่าย ASEAN Joint Declaration on Climate Action 5 ที่จะผลักดัน ASEAN Climate Action Framework 2030 ในการประชุม COP30 ที่จะเป็นผลดีต่ออาเซียนและประเทศไทย
1 ผ่านการประชุม Summit of the Three Basins โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความร่วมมือระดับโลกเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและปกป้องป่าไม้เขตร้อน
2 Amazonia as a carbon source linked to deforestation and climate change, Asynchronous carbon sink saturation in African and Amazonian tropical forests, Global Forest Watch & World Resources Institute (WRI) รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
3 ที่มา Global Carbon Budget 2024
4โครงการ REDD+ (Reducing Emissions from Deforestation and Forest Degradation) มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและการทำให้ป่าเสื่อมโทรม ผ่านการสร้างแรงจูงใจให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน และเพิ่มการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ป่า
5 กรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคที่มุ่งให้ 10 ประเทศอาเซียนเดินหน้าลดคาร์บอน ปรับตัว และเข้าถึงเงินทุนสีเขียวร่วมกัน






