สิงหาคม 4,2025…เมื่อ 29 กรกฎาคม 2565 ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
-ครม.เห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. …
สนับสนุนการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อใช้ไฟฟ้าเองในบ้านและสถานประกอบการ โดยไม่ต้องขออนุญาตหลายขั้นตอน
-แจ้งติดตั้งล่วงหน้า 30 วัน ไม่ต้องขออนุญาตเพิ่มเติม
ผู้ติดตั้งเพียงแจ้งต่อกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการอนุมัติซ้ำซ้อน
-ลดภาระค่าไฟ – สร้างความมั่นคงทางพลังงาน
ช่วยลดค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน ลดการนำเข้าไฟฟ้าจากต่างประเทศ และเพิ่มการพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน
-ควบคุมมาตรฐานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
มีหลักเกณฑ์กำกับความปลอดภัย การจัดการซากอุปกรณ์หลังหมดอายุ และห้ามถอดแยกชิ้นส่วนที่อาจเป็นอันตราย
-ส่งเสริม Green Economy – หนุนพลังงานสะอาด
เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนรัฐ ในการลดคาร์บอน เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และปรับโครงสร้างราคาไฟฟ้า
-รัฐไม่สูญเสียรายได้อย่างมีนัยสำคัญ
การติดตั้งเพื่อใช้เองไม่กระทบงบประมาณแผ่นดิน เพราะรายได้หลักมาจากไฟฟ้าที่เอกชนผลิตขายอยู่แล้ว
ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว มีสาระสำคัญเป็นการแจ้งและกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) สำหรับใช้เองในที่อยู่อาศัยและในสถานประกอบการ โดยมีการกำกับดูแลกระบวนการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยและวิศวกรรม รวมทั้งการจัดการซากอุปกรณ์หลังหมดอายุการใช้งานเพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของประชาชน และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประเทศ ตลอดจนเป็นการลดการพึ่งพาพลังงานการนำเข้าจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านพลังงาน โดยราคาพลังงานจะมีความผันผวนตามสถานการณ์พลังงานโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ทำให้ประชาชนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกันต้นทุนของเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทางเลือกที่มีศักยภาพสูง และมีแนวโน้มต้นทุนต่อหน่วยการผลิตไฟฟ้าลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งไทยมีศักยภาพสูงในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ตลอดทั้งปี
อย่างไรก็ตาม การติดตั้ง Solar Rooftop ยังมีข้อจำกัดซึ่งไม่เอื้อต่อการส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อย่างเป็นระบบ โดยประชาชนและภาคธุรกิจประสบปัญหาความล่าช้าในกระบวนการขอรับใบอนุญาตหรือการจดแจ้งยกเว้นเกี่ยวกับการติดตั้งเพื่อใช้เองจากหน่วยงานของรัฐต่างๆ นอกจากนี้กระบวนการในการพิจารณาการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าดังกล่าวยังคงต้องอาศัยการประสานงานจากหน่วยงานภาครัฐหลายฝ่าย ทำให้เกิดภาระด้านเอกสาร ด้านเวลา และค่าใช้จ่าย อันมาจากขั้นตอนและการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนกันจากปัญหาดังกล่าว
ปัจจุบันกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศมีประมาณ 55,707 เมกะวัตต์ โดยเป็นความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิง และพลังงานทุกประเภทเฉลี่ยประมาณ 25,000 เมกะวัตต์ (รวมถึงการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์) โดยพระราชบัญญัติไม่กระทบต่องบประมาณและการสูญเสียรายได้ภาครัฐอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชน เพื่อนำมาจำหน่ายให้ประชาชนเป็นปริมาณที่สูงกว่าการผลิตไฟฟ้าจำหน่ายเอง ทำให้ภาระค่าค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ คือค่าไฟฟ้าที่ซื้อจากโรงงานเอกชน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยผลิตไฟฟ้าเองเป็นสัดส่วนร้อยละ 29 (16,261 เมกะวัตต์) เท่านั้น ส่วนที่เหลือร้อยละ 71 เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศและจ้างเอกชนผลิต)
ดังนั้น ค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายจึงเป็นของโรงไฟฟ้าเอกชน และผู้ที่เสียสูญเสียรายได้เป็นหลักจึงเป็นโรงไฟฟ้าเอกชนมิใช่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ อันจะเป็นประโยชน์กับทั้งรัฐและประชาชน เป็นการลดการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศ เป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งพลังงานราคาถูก ลดภาระค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนลดการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนที่มีต้นทุนสูง และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประชาชน สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ทั้งในเขตเมืองและพื้นที่ทางไกล อันเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนในการขออนุญาต หรือ การจดแจ้งยกเว้นเกี่ยวกับการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงพลังงาน และความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ประชาชน และภาคธุรกิจแบกรับภาระด้านค่าใช้จ่ายอันเป็นการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทยไปสู่พลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยังคงเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการลด และปรับโครงสร้างราคาพลังงานและนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) พน. จึงได้ยกร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ…. ขึ้น โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1.กำหนดให้มีการแจ้งการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อใช้เองในที่อยู่อาศัย หรือ สถานประกอบกิจการต่ออธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยไม่ต้องขออนุญาตการติดตั้งจากหน่วยงานของรัฐอีก และได้กำหนดหลักเกณฑ์การติดตั้งอุปกรณ์ Solar rooftop กำกับให้มีการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จาก Solar Rooftop เฉพาะในสถานที่ติดตั้งเท่านั้น
2.กำหนดหลักเกณฑ์การติดตามและการจัดการซากอุปกรณ์ และกำหนดหลักเกณฑ์การห้ามถอดแยกชิ้นส่วนซากอุปกรณ์ของ Solar Rooftop หลังหมดอายุการใช้งานแล้ว โดยให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชน
3.กำหนดหน้าที่และอำนาจของเจ้าพนักงาน เพื่อตรวจสอบ และติดตามการติดตั้งอุปกรณ์ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้
4.กำหนดบทลงโทษสำหรับการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง ร่าง พ.ร.บ.ฯ
ทั้งนี้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นชอบ/ไม่ขัดข้องต่อหลักการ โดยมีข้อสังเกตและมีความเห็นเพิ่มเติม เช่น
กระทรวงการคลังเห็นว่า ภาครัฐต้องมีการกำหนดกลไกและแนวทางที่ชัดเจนในการให้รัฐวิสาหกิจกลุ่มไฟฟ้าเข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันของการติดตั้ง Solar Rooftop และควรกำหนดให้มีกลไกที่สร้างความมั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ติดตั้งกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าเป็นไปอย่างถูกต้องและมีความปลอดภัยตามมาตรฐาน
กระทรวงมหาดไทยเห็นว่า การกำหนดให้การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยไม่อยู่ภายใต้บังคับว่าด้วยการผังเมือง อาจทำให้การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ต่างๆ ที่ถูกกำหนดไว้ตามผังเมืองไม่เป็นไปตามความมุ่งหมายของการวางและจัดทำผังเมือง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่า ควรมีการทบทวนบทลงโทษให้สอดคล้องกันระหว่างระดับความร้ายแรงของการกระทำผิดกับบทลงโทษที่ใช้กับมาตรการต่างๆ และควรเพิ่มเติมหลักการและกลไกในการบริหารซาก Solar Rooftop ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
ครม. จึงมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่ง สคกระทรวง ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย