มิถุนายน 17,2568… ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย x ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย หวังว่าการสร้าง Community ของเด็กๆ ที่เข้าใจคุณค่าของน้ำ จะเป็นพลังที่ต่อยอดได้ยิ่งใหญ่กว่าโครงการนี้
ก่อนเริ่มอ่านข่าว เราลองทำ Pre-Test ที่เยาวชนในโครงการต้องทำกัน และต้องเขียนความเห็นจะแก้ไข ก่อนจะเข้าสู่ภาคปฏิบัติ

โอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด และ ทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด สองผู้นำด้านเครื่องดื่มและอาหารเสริมสุขภาพในประเทศไทย ร่วมกันสานต่อโครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ด้วยการจัดกิจกรรม “ค่ายมิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” หรือ Mizuiku Water Hero Camp โดยก่อนหน้านั้นแต่ละบริษัทจะส่งต่อความรู้พื้นฐานนอกห้องเรียนเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ จนกระทั่งได้ผนึกกำลังกันตั้งแต่ปีที่แล้วรูปแบบก็มีความเข้มข้นและใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ในปีที่ 2 นอกเยาวชนแล้ว ยังมีครูจาก 30 โรงเรียนในจังหวัดชลบุรีและระยอง รวมกว่า 500 คน เข้าร่วม พร้อมสนับสนุนโดยหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กรมทรัพยากรน้ำ กรมควบคุมมลพิษ และกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและการศึกษา เพื่อร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องวัฏจักรน้ำ ระบบนิเวศ และแนวทางการอนุรักษ์น้ำสู่เด็กไทยอย่างยั่งยืน
2 ผู้นำองค์กรชี้ “น้ำ” คือทรัพยากรที่ต้องเร่งปกป้อง
โอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงที่มาของโครงการว่า
“สถานการณ์ด้านทรัพยากรน้ำในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม และมลพิษทางน้ำ จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องลุกขึ้นมาปกป้อง ‘น้ำ’ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อทุกชีวิตบนโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในอนาคต ด้วยแนวคิดนี้ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมการสนับสนุนจาก บริษัท ซันโทรี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด จึงได้ร่วมมือกันจัดทำโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและมอบองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้แก่เยาวชน โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา โครงการฯ ของเราได้ส่งมอบองค์ความรู้ให้แก่เยาวชน 8,115 คน และคุณครู 270 คน จาก 30 โรงเรียนในจังหวัดชลบุรีและระยอง อีกทั้งสนับสนุนให้เยาวชนนำความรู้ไปบูรณาการโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในมิติต่าง ๆ ของโรงเรียนเพื่อขับเคลื่อนทการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
ทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“กลุ่มบริษัทซันโทรี่ มุ่งมั่นนำค่านิยมองค์กร ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ (Growing for Good) และ ‘การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม’ (Giving Back to Society) มาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมผ่านการดำเนินโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ ซึ่งจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ทำให้เราเดินหน้าสานต่อโครงการฯ ชักชวนเหล่าแกนนำเยาวชนคนรุ่นใหม่ รวมถึงคุณครู จำนวนทั้งสิ้นกว่า 500 คน จากจังหวัดชลบุรีและระยอง ร่วมเรียนรู้ผ่านการลงมือทำภายใต้ห้องเรียนธรรมชาติ ใน ‘ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ รุ่น 2 ก่อนนำความรู้ที่ได้รับกลับไปจัดทำแผนงานและดำเนินโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียน พร้อมจัดตั้ง ‘มิซุอิกุ คลับ’ เพื่อขับเคลื่อนและขยายผลโครงการ โดยแกนนำนักเรียนจากโรงเรียนที่ชนะการประกวด ‘โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ’ ในแต่ละจังหวัดจะได้เดินทางไปทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้ต้นกำเนิดของโครงการ ‘มิซุอิกุ’ ณ ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่สร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายให้ทุกคนกลายเป็น ‘ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ รวมถึงนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปเผยแพร่ให้กับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน ครอบครัว และชุมชนต่อไป”
ประเทศที่ ซันโทรี่ โฮลดิ้งส์ ทำกิจกรรม Mizuiku ซึ่งจะมีทั้งหมด 9 ประเทศ ได้แก่
- ญี่ปุ่น
- เวียดนาม
- ไทย
- ฝรั่งเศส
- จีน
- สเปน
- อังกฤษ
- นิวซีแลนด์
- ออสเตรเลีย
ห้องเรียนธรรมชาติ ต้นน้ำ–กลางน้ำ–ปลายน้ำ–ทะเล
กิจกรรมในค่ายเน้นการเรียนรู้ผ่าน “ห้องเรียนธรรมชาติ”ครอบคลุมแหล่งน้ำตั้งแต่ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ และทะเล ได้แก่
การเรียนรู้บทบาทและความสำคัญของป่าต้นน้ำในฐานะพื้นที่กักเก็บน้ำ และประโยชน์ของการชะลอนํ้าเพื่อให้มี นํ้าใช้เพียงพอตลอดปี รวมถึงศึกษาหลักการตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้น และเข้าใจลักษณะการพัดพาตะกอนจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่
การสำรวจระบบนิเวศพื้นที่กลางน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำ และพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่มีความสำคัญต่อความหลากหลาย
ทางธรรมชาติ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิตและมนุษย์หากไม่มีพื้นที่กลางน้ำ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาเขียว
การศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลนซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำที่ทำหน้าที่ดักจับสิ่งปนเปื้อนที่มากับน้ำด้วยพรรณพืชและสัตว์ต่าง ๆ โดยเยาวชนจะได้เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและป่าชายเลน พร้อมทั้งเข้าใจความเชื่อมโยงของคุณภาพน้ำ ตั้งแต่แหล่งต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
การตระหนักถึงความสำคัญของทะเลซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของสายน้ำโดยเยาวชนจะได้เรียนรู้ว่าทุกพฤติกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกล้วนส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเล ทั้งในแง่ของความอุดมสมบูรณ์และความเปราะบางของสิ่งมีชีวิตในทะเล กิจกรรมจึงออกแบบมาให้เยาวชนเห็นถึงความเชื่อมโยงของสายน้ำทั้งระบบพร้อมปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทะเลในฐานะทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า
โดยการทดสอบก่อน-หลังค่าย (Pre-Test / Post-Test) เพื่อวัดผลการเรียนรู้ของเด็กอย่างชัดเจน พบว่าความรู้ของนักเรียนดีขึ้นเฉลี่ยกว่า 6%
หลังจากเสร็จสิ้นโครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ปี 2 ไฮไลต์แรกเช่นเดียวกับปีที่ 1 คือคัดเลือก 10 โรงเรียนจากทั้งหมด 30 โรงเรียน เข้าสู่รอบชิงระดับประเทศ โดยผู้ชนะจะได้ไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น ณ แหล่งกำเนิดมิซุอิกุที่โรงงานน้ำแร่ธรรมชาติ
จาก CSR สู่วิชาเพิ่มเติมในโรงเรียน ปูทางสู่ความยั่งยืน
สิ่งที่จะตามมาคือ การตั้ง “มิซุอิกุคลับ” ในโรงเรียน เพื่อให้เด็กนำความรู้ไปต่อยอดสู่ชุมชน โดยทั้งสองบริษัทจะสนับสนุนงบประมาณ 10,000 บาท/โรงเรียน เพื่อพัฒนาโครงการอนุรักษ์น้ำ เช่น ติดตั้งระบบกรองน้ำ ระบบดักไขมัน หรือจัดกิจกรรมขยายผลสู่ครอบครัวและชุมชน
นอกจากนักเรียนแล้ว โครงการยังพัฒนาไปสู่การให้ความรู้แก่คุณครู เพื่อให้สามารถนำเนื้อหากลับไปใช้สอนในโรงเรียนของตน และบางโรงเรียนยังนำไปพัฒนาต่อยอดเป็น “วิชาเพิ่มเติม” หรือ “กิจกรรมแนะแนว” เพื่อสร้างความยั่งยืนเชิงระบบ
พลังของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย x ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย ยังมีแผนจะขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจากระยอง ชลบุรี และสระบุรี พร้อมเปิดโอกาสให้เชื่อมโยงเนื้อหาเรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) และประเด็นสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เข้าไปในอนาคต เพื่อให้โครงการเติบโตไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
“เราคาดหวังว่าการสร้าง Community ของเด็กๆ ที่เข้าใจคุณค่าของน้ำ จะเป็นพลังที่ต่อยอดได้ยิ่งใหญ่กว่าโครงการนี้เสียอีก”
Mizuiku Water Hero Camp
Student and Teacher
คุณครูชนิกานต์ บุญราศร โรงเรียนนันทนวิทย์ จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “ปัจจุบันในโรงเรียนของเรามีการสอนเรื่องการอนุรักษ์น้ำโดยเน้นในเรื่องการประหยัดน้ำเป็นหลัก จึงคิดว่าการมาเข้าร่วมค่ายนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เรียนรู้การสอนในรูปแบบใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ในการเรียนการสอนที่โรงเรียนของเราได้ โดยนอกจากที่ค่ายนี้จะให้ความรู้กับเราเพื่อนำกลับไปใช้แล้ว กิจกรรมต่างๆ ยังได้ปลุกความเป็นผู้นำในตัวนักเรียน เพื่อให้เขาสามารถกลายเป็นแกนนำในการเอาความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์น้ำ ที่ได้ไปต่อยอดกับคนในโรงเรียนและชุมชน ค่ายมิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ จึงถือเป็นค่ายที่ทำให้ทั้งครูกับเด็กนักเรียนมีแรงบันดาลใจ และความตื่นตัวเรื่องการอนุรักษ์น้ำ พร้อมที่จะช่วยดูแลโลกและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นค่ะ”
ด.ญ. พิชญาพร ลิทา นักเรียนโรงเรียนนันทนวิทย์ จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “รู้สึกดีใจที่ได้เข้าร่วมค่ายในวันนี้เพราะนอกจากจะได้ความรู้เรื่องการอนุรักษ์น้ำ ยังได้มาเจอเพื่อนใหม่ ๆ จากหลายโรงเรียน แล้วก็จะได้นำความรู้ที่ได้ในวันนี้กลับไปใช้ต่อที่โรงเรียน ตัวอย่างสิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้และสามารถทำตามได้เลยง่าย ๆ คือการแยกขยะให้ถูกต้อง เพราะหากเราแยกขยะถูกประเภท ไม่ทิ้งขยะลงนอกถัง ก็จะช่วยลดการเกิดน้ำเสียจากขยะที่จัดการไม่ถูกวิธี และทำให้ไม่มีของเสียไปปนเปื้อนในแม่น้ำลำคลอง นอกจากนี้ค่ายนี้ยังมีกิจกรรมให้ความรู้และความสนุกจากการลงมือทำจริงอีกมากมาย ซึ่งหนูตั้งตารอที่จะได้เข้าร่วมมากค่ะ”