มิถุนายน 22,2025…Digital Inclusion นับเป็นภารกิจสำคัญของ AIS เพราะเชื่อว่าเมื่อผู้คนสามารถติดต่อสื่อสาร เข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเชื่อมโยงถึงกันได้
นั่นคือ “โอกาส” ที่จะตามมาอย่างมหาศาลในหลายมิติ ทั้งการศึกษา รับรู้ข่าวสาร ที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลนั้นจากข้อมูลของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ชี้ว่าครึ่งหนึ่งจาก 4,200 หมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่สูงหรือบนดอยไม่มีไฟฟ้าใช้ ความห่างไกลทำให้ขาดโอกาสเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานต่างๆ รวมถึงการสื่อสาร โดยเฉพาะการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและระบบสื่อสารถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม
เป็นที่มาของโครงการ Green Energy Green Network for THAIs พลังงานสะอาดเชื่อมเครือข่ายเพื่อคนไทย เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้ทุกพื้นที่ของประเทศไทยสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่ง AIS จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ถือเป็นโครงการที่น่าสนใจ เพราะสะท้อนถึงพลังความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงข่ายอัจฉริยะและพลังงานสะอาดเพื่อชุมชนห่างไกลในพื้นที่สูงอย่างต่อเนื่อง พร้อมดึงศักยภาพบริษัทในเครือเอไอเอส ทั้ง AIS ACADEMY, ไทยคม และ AIS 3BB FIBRE3 ร่วมต่อยอดเสริมพลังองค์ความรู้ดิจิทัล สัญญาณดาวเทียม และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ขยายโอกาสการเข้าถึงพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างความเท่าเทียม และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชนห่างไกลอย่างยั่งยืน
สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่าแต่ละปี Green Energy Green Network for THAIs จะเข้าไปพัฒนาชุมชนด้วยการติดตั้งเสาสัญญาณใน 6 หมู่บ้าน หลังจับมือกับพันธมิตรอย่าง สวพส. ในการสำรวจในการคัดเลือกและลงพื้นที่ต่างๆ ก่อนเริ่มทำโครงการพบว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาแตกต่างกัน อย่างชุมชนบ้านมอโก้โพคี และบ้านดอกไม้สด ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อยู่ห่างจากตัวอำเภอท่าสองยาง 3 – 4 ชั่วโมง นั่นหมายถึงเวลาที่หมดไปกับการขึ้น-ลงเขา จึงมีปัญหาด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานไม่มีไฟฟ้าใช้ และไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทันท่วงที
AIS มีการทำงานอย่างบูรณาการ โดยจับมือกับ GULF เพื่อติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์และสถานีฐานสัญญาณสื่อสารที่ใช้พลังงานสะอาด ในขณะที่ไทยคมให้การสนับสนุนสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียมและโซลูชันด้านเทคโนโลยีอวกาศในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ชุมชนห่างไกลสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร บริการสุขภาพ การศึกษาทางไกล และโอกาสทางเศรษฐกิจผ่านระบบดิจิทัลและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างเท่าเทียม
“เพื่อให้การพัฒนานี้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน เรามีการทำงานอย่างมีขั้นตอน Plan /Do/ Check/ Act/ Measure เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละชุมชน จากการวางแผนร่วมกับผู้นำชุมชนและชาวบ้านหมู่บ้านมอโก้โพคี 342 หลังคาเรือน มีประชากร 1,006 คน จึงมีการติดตั้งแผง Solar Cell , ติดตั้งสถานีฐานสัญญาณมือถือ, ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการผลิตกาแฟ และให้ความรู้ด้านดิจิทัลเบื้องต้น ส่วนชุมชนบ้านดอกไม้สด มี 218 หลังคาเรือน ประชากร 715 คน ติดตั้งแผง Solar Cell , ติดตั้งสถานีฐานสัญญาณมือถือ, ติดตั้งระบบกรองน้ำ, ให้ความรู้การอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืนผ่านการส่งเสริมการปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน และให้ความรู้ด้านดิจิทัลเบื้องต้น ผลลัพธ์จากโครงการสามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างผลกระทบเชิงบวกในหลายด้าน เช่น การเกิดอาชีพใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การค้าออนไลน์ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจากการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่สะอาด”
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้โครงการนี้ดำเนินไปอย่างยั่งยืน AIS มองว่าจำเป็นต้องมีดัชนีชี้วัดความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม (Measure) จึงมีการนำผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return on Investment : SROI) หรือ SROI มาประเมิณเพื่อใช้เป็นกรอบการทำงานเพื่อวัดมูลค่าทางสังคมและเศรษฐกิจที่องค์กรสร้างขึ้น และนำผลการประเมิณมาใช้วางแผนการขยายโครงการไปยังพื้นที่อื่นในอนาคต ตลอดจนกำหนดมาตรการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน
โดยในส่วนนี้ได้ร่วมมือกับ สวทช. เพื่อให้การวัดผลดังกล่าวเป็นไปตามหลักวิชาการ ในลักษณะวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods) เชิงปริมาณ ด้วยการเก็บข้อมูลจากประชาชนในชุมชน และเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลจากผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียอื่นๆ นำมาประเมินผลตอบแทนทางสังคมด้วยวิธี SROI (เก็บข้อมูล -> ประเมินผลกระทบเชิงปริมาณ -> แปลงเป็นมูลค่าทางการเงิน) พบว่า
ผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจ ในชุมชนมอโก้โพคี การติดตั้งโรงคั่วกาแฟพร้อมระบบพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยให้ชาวบ้านสามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิตกาแฟ ลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง และเปิดช่องทางการตลาดออนไลน์ ส่งผลให้เกิดรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น ส่วนชุมชนบ้านดอกไม้สด แม้ยังไม่มีธุรกิจเฉพาะทาง แต่การเข้าถึงสื่อดิจิทัลเปิดโอกาสเรียนรู้แนวทางอาชีพใหม่ๆ
ผลลัพธ์ด้านสังคม ชุมชนบ้านดอกไม้สดให้ความสำคัญกับการศึกษาเยาวชน จึงช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าถึงสื่อการเรียนออนไลน์ เข้าถึงห้องสมุดดิจิทัล ครูสามารถใช้เทคโนโลยีในการเตรียมการสอนและพัฒนาวิชาชีพอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในอนาคตมีแผนที่จะนำ ONET มาเป็นดัชนีชี้วัดต่อไป แต่ทั้งสองชุมชนพบว่าได้รับบริการด้านสาธารณสุขดีขึ้นชัดเจนเนื่องจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถใช้การสื่อสารออนไลน์ในการติดตามผู้ป่วย สามารถประสานงานกับโรงพยาบาลแม่ข่ายได้ทันท่วงที ช่วยลดระยะเวลาการส่งต่อ หน่วยบริการสุขภาพสามารถเบิกค่าชดเชยบริการสาธารณสุขได้เพิ่มขึ้น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในการให้บริการด้านสุขภาพแก่ผู้ป่วย (เครื่องพ่นยา, ตู้เย็นสำหรับยาและเวชภัณฑ์เย็น วัคซีน) และประชาชนสามารถเข้าถึงสวัสดิการของภาครัฐผ่านระบบออนไลน์ได้เพิ่มขึ้น
ผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม พบแนวโน้มการเผาป่าลดลงจากการที่ประชาชนเริ่มตระหนักและมีความสนใจในการเปลี่ยนแปลงไปสู่พืชเศรษฐกิจอื่นที่ไม่ต้องใช้การเผา รวมถึงมีความรู้ด้านการจัดขยะอิเล็กทรอกนิกส์
ผลลัพธ์ด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร ประชาชนสามารถสื่อสารได้อย่างสะดวก ลดการเดินทางขึ้นภูเขาเพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์
สายชล กล่าวถึงผลการวิจัยพบว่า งบการลงทุน Green Energy Green Network for THAIs ทั้ง 2 หมู่บ้านรวม 3-6 ล้านบาท สร้างผลลัพธ์ทางสังคมคิดเป็นมูลค่า 8.6 ล้านบาท หากคำนวนตามหลัก SROI พบว่าทุกการลงทุน 1 บาท จะสร้างผลกระทบเชิงบวกกลับมา 2.37 บาท หรือคิดเป็น 2.5 เท่า
สำหรับการสานต่อภารกิจ Green Energy Green Network for THAIs ในปีที่ 2 นี้ จะเป็นการเข้าไปพัฒนาชุมชนอีก 6 หมู่บ้านในจังหวัดตาก และเชียงใหม่ แน่นอนว่า AIS ,GULF และ THAICOM ยังผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่น ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ ,สร้างระบบไฟฟ้าสำหรับระบบสื่อสารผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตและสัญญาณดาวเทียมไทยคม ขณะเดียวกันยังเชื่อมต่อระบบเครือข่ายสัญญาณ AIS ทำให้ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล และบริการโครงสร้างขั้นพื้นฐาน รวมถึงได้ก่อสร้างโรงเรือนสำหรับการสีกาแฟที่ติดตั้งระบบไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จัดซื้อเครื่องสีกาแฟมอบให้แก่ชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถแปรรูปกาแฟ และต่อยอดไปสู่การสร้างแบรนด์กาแฟของชุมชน เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคง
“Green Energy Green Network for THAIs ปี 2 AIS ยังคงพัฒนาชุมชนตามบริบท ความต้องการ และปัญหาในแต่ละพื้นที่ และหาทางจับมือกับพันธมิตรเพื่อมาตอบโจทย์ อย่างเช่น บางพื้นที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เราก็มีแผนที่จะจับมือกับ ททท. เพิ่มเติม รวมถึงนำโดรนมาใช้ในการขนย้ายผักผลไม้เพื่อลดความสูญเสียและช่วยประหยัดเวลาซึ่งเป็นการจับมือกับไทยคมเพื่อให้สัญญาณมีความเสถียรตลอดเส้นทางการขนส่ง เป็นต้น ”
การคิด และลงมือทำอย่างเป็นระบบของ AIS ได้ช่วยตอกย้ำ “เครือข่ายสร้างโอกาส” ที่องค์กรต้องการสร้างการเติบโตบนพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งคน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบ SROI ซึ่งชี้ให้เห็นถึงคุณค่าและมูลค่าที่ส่งคืนสู่ชุมชน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง