CSR

Kick Off “เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์” สอนเยาวชนทำธุรกิจจริง ใน 66 วัน เสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต

28 เมษายน 2566…ธนาคารกสิกรไทย สนับสนุน “มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา” เปิดตัวด้วยโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นที่ 1 “66 วันเรียนรู้ชีวิต ทำธุรกิจให้เป็นจริง” โดยวิทยากรมืออาชีพ กูรูด้านธุรกิจระดับประเทศ และผู้ประกอบการตัวจริง บ่มเพาะเยาวชนระดับมัธยมปลายในจังหวัดน่านนำร่อง 8 โรงเรียน 40 คน พัฒนาทักษะและเสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถกลับมาดูแลท้องถิ่น พัฒนาชุมชน และสร้างความยั่งยืนในจังหวัดน่านและพื้นที่ใกล้เคียง และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs)

ดร.อดิศวร์ หลายชูไทย กรรมการผู้จัดการมูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา เปิดเผยว่า คุณบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ ธนาคารกสิกรไทย ได้มีแนวดำริที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคนโดยผ่านระบบการศึกษาที่เป็นกลไกพื้นฐานทางความคิดที่สำคัญโดยเฉพาะในเยาวชน และถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะลดทอนความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ จึงเกิด “โครงการเพาะพันธุ์ปัญญา” ปี 2556 ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จนถึงปี 2562 และดำเนินโครงการต่อเนื่องในจังหวัดน่านจนถึงปี 2565 ซึ่งพบว่าโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาช่วยพัฒนาระบบการเรียนรู้จากโครงงานฐานวิจัย หรือ Research Base Learning (RBL) สามารถเปลี่ยนกระบวนการคิดในเยาวชนให้สามารถตั้งสมมติฐาน คิดวิเคราะห์ด้วยระบบผลเกิดจากเหตุ และหาคำตอบด้วยตรรกะ เกิดเป็นกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองที่ต่อเนื่องตลอดชีวิต

เพื่อสืบสานแนวดำริดังกล่าวเดือนธันวาคม 2565 ธนาคารกสิกรไทยได้ก่อตั้ง มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญาขึ้นโดยมี ดร. อภิชัย จันทรเสน ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิ และคุณขัตติยา อินทรวิชัย ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการมูลนิธิ เพื่อต่อยอดกระบวนการเพาะพันธุ์ปัญญาให้มีความต่อเนื่อง มีวัตถุประสงค์หลักในการมอบโอกาสในการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ทักษะใหม่ และเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพื่อให้เยาวชนมีความพร้อมที่จะใช้ชีวิตอย่างสมดุลในอนาคต

ดร.อดิศวร์ร่วมสังเกตุการณ์ พูดคุยกับเยาวชนเพาะพันธุ์ปัญญา ระหว่างที่กำลังระดมสมอง

ในปี 2566 นี้ มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญาได้ริเริ่มโครงการที่เสริมสร้างสมรรถนะของนักเรียนให้มีองค์ความรู้ใหม่และทักษะใหม่ที่แตกต่างจากการเรียนในห้องเรียน ผ่านกิจกรรมในโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นที่ 1 ภายใต้แนวคิด “66 วันเรียนรู้ชีวิต ทำธุรกิจให้เป็นจริง” เป็นไปตามเจตนารมณ์ของมูลนิธิฯ ด้วยการให้เยาวชนลงมือปฏิบัติจริง ทำให้เกิดการพัฒนาทักษะและเสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถกลับมาดูแลท้องถิ่น พัฒนาชุมชน และสร้างความยั่งยืนในจังหวัดน่านและพื้นที่ใกล้เคียง และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) เรื่องการส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ (Quality Education) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนด้านอื่น ๆ อาทิ การสร้างงานที่ดีและเศรษฐกิจที่เติบโต (Decent Work and Economic Growth) และการลดความเหลื่อมล้ำ (Reduce Inequalities)

“เมื่อเพาะพันธุ์ปัญญาในภาคแรก เราทำทั่วประเทศและ ในช่วงปี 2562-2565 เรามาทำโครงการที่จังหวัดน่านในชื่อโครงการน่านเพาะพันธุ์ปัญญา จึงต้องการต่อยอดที่จังหวัดน่านเพราะจะทำให้เราสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการได้ชัดเจนขึ้น ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือ จังหวัดน่านมีความเหมาะสมในการเรียนรู้หลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ จะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี เหมือนมีสิ่งแวดล้อมที่ดีที่เยาวชนจะได้เรียนรู้ มีโจทย์ในเรื่องความคิด ทำให้เกิดกระบวนการทางความคิดที่แตกต่างกันได้”

ดร.อดิศวร์ ขยายความถึงการเลือกพื้นที่จังหวัดเป็นปฐมบทของ โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นที่ 1 จัดให้กับกลุ่มนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งเป็นช่วงวัยที่กำลังแสวงหาแนวทางการดำเนินชีวิตก่อนก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย จึงเหมาะกับการให้ประสบการณ์การเรียนรู้แบบใหม่ ที่จะช่วยพัฒนาให้เยาวชนเกิดทักษะใหม่ มีตรรกะในการดำรงชีวิต สามารถสร้างสมดุลให้แก่ตนเอง มี Mindset การเป็น Global Citizen ที่จะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล หรือ ESG ภายใต้กฎเกณฑ์ใหม่ของโลก ในการดำเนินธุรกิจ โดยให้โอกาสเยาวชนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-5 ที่เคยผ่านห้องเรียนเพาะพันธุ์ปัญญา โรงเรียนละ 5 คน จาก 8 โรงเรียนในเมืองและพื้นที่ห่างไกลของจังหวัดน่าน รวม 40 คน ที่มีความคิดก้าวหน้า พร้อมเรียนรู้ในการทำธุรกิจและต้องการเป็นผู้ประกอบการ มาร่วมแคมป์ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม – 27 พฤษภาคม 2566 รวม 66 วัน

ทั้งนี้ โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์จะมุ่งเน้นการเรียนรู้แบบสนุกสนานจากกิจกรรม 3 แคมป์ต่อเนื่อง ได้แก่

• แคมป์ที่ 1 “กล้าเรียน” (วันที่ 23-27 มีนาคม 2566) ปูพื้นฐานสร้างไอเดียธุรกิจ ความเป็นไปได้ และเรียนรู้สิ่งที่จำเป็นในการทำธุรกิจ โดยระหว่างการเรียนรู้ ทั้ง 8 ทีมจะต้องนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาไอเดียธุรกิจที่มีคุณค่า และนำทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิฯ ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อนำไปทดลองตลาดต่อไป (Minimum Viable Product: MVP)

เยาวชนเพาะพันธุ์ปัญญาแต่ละทีม นำเสนอแผนธุรกิจต่อคณะกรรมการ

• แคมป์ที่ 2 “กล้าลุย” (วันที่ 20-23 เมษายน 2566) บุกตลาด ลงมือขาย พบลูกค้าตัวจริง เรียนรู้จุดเด่นจุดด้อย เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการ โดยทีมเยาวชนจะได้นำผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คิดและพัฒนาไปทดลองขายหรือสอบถามความคิดเห็นจากผู้บริโภคตัวจริงที่ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน เพื่อนำผลที่ได้ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ และเดินหน้าจัดจำหน่ายเป็นธุรกิจจริงต่อไป

• แคมป์ที่ 3 “กล้าก้าว” (วันที่ 24-27 พฤษภาคม 2566) รายงานและนำเสนอผลประกอบการ รับแรงบันดาลใจ ซึ่งทั้ง 8 ทีม จะต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและนักธุรกิจตัวจริง โดยจะประกาศผลและมอบรางวัลให้แก่ทีมที่มีผลงานยอดเยี่ยมและได้รับคะแนนสะสมมากที่สุด นอกจากนั้น เยาวชนจะได้เปิดโลกทัศน์เรียนรู้ประสบการณ์จากบุคคลต้นแบบที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและผู้นำความคิดด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับประเทศในงานปัจฉิมนิเทศอีกด้วย

สำหรับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้ความรู้ตั้งแต่การสร้างสรรค์และทดสอบไอเดียธุรกิจ การเปลี่ยนไอเดียธุรกิจให้เกิดขึ้นจริง ความรู้ด้านการตลาดและการเงินสำหรับผู้ประกอบการ การสร้างแผนและพัฒนาธุรกิจให้เติบโต ตลอดจนความรู้ทักษะชีวิตพื้นฐานทั้งภาวะผู้นำ การสื่อสาร และการนำเสนอ จากวิทยากรมืออาชีพและกูรูด้านธุรกิจระดับประเทศ รวมทั้งผู้ประกอบการในจังหวัดน่าน เพื่อเสริมสร้างทักษะและศักยภาพของเยาวชนให้สามารถสร้างโมเดลธุรกิจให้เป็นจริงในรูปแบบบริษัท โดยมูลนิธิฯ จะสนับสนุนทุนเริ่มต้นในการทำธุรกิจ และมีรางวัลให้แก่ทีมที่มีผลงานยอดเยี่ยม รวมทั้งมีทุนสนับสนุนการพัฒนาโรงเรียนต้นสังกัดอีกด้วย

โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ “เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์” รุ่นที่ 1 ประกอบด้วย 1. โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร อ.เมืองน่าน 2. โรงเรียนสา อ.เวียงสา 3. โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 56 อ.เวียงสา 4. โรงเรียนปัว อ.ปัว 5. โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม อ.ท่าวังผา 6. โรงเรียนเชียงกลางประชาพัฒนา อ.เชียงกลาง 7. โรงเรียนพระธาตุพิทยาคม อ.เชียงกลาง และ 8. โรงเรียนเมืองลีประชาสามัคคี อ.นาหมื่น

ด้านเสียงสะท้อนจากเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ ปกรณ์ ทองประเสริฐ (ป้าง) โรงเรียนพระธาตุพิทยาคม อ.เชียงกลาง หนึ่งในเยาวชนที่ได้เข้าร่วมแคมป์กล้าเรียน แคมป์แรกของโครงการ เล่าว่า โครงการนี้ช่วยให้ตนเองได้เรียนรู้เยอะมากเกี่ยวกับการทำธุรกิจ ทั้งเรื่องต้นทุน ค่าใช้จ่าย กำไร ขาดทุน ทำให้รู้ว่าการจะทำธุรกิจมีเรื่องให้ต้องคิดเยอะ ใช้กระบวนการคิดที่เป็นระบบ ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับตน รวมทั้งได้ข้อคิด เรื่อง การทำงานเป็นทีมซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

นารี แซ่โซ้ง (ออม) เยาวชนจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 56 อ.เวียงสา บอกเล่าว่า ตนเองมีความสนใจเข้าร่วมเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ เพราะมีความสนใจอยากทำธุรกิจแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากอะไร ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน ไม่เคยรู้ว่านักธุรกิจทุกคนเขาผ่านอะไรมาบ้าง และเมื่อเข้ามาร่วมในโครงการแล้วทำให้รู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ดีคืออะไร ก่อนที่เราจะสร้างธุรกิจ ต้องรู้ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายเราคือใคร จะทำอย่างไร มีความเป็นไปได้หรือไม่ และอย่างที่วิทยากรหลายท่านบอกไว้ คือนักธุรกิจก่อนที่จะสำเร็จ เขาก็จะต้องมีเจ๊งบ้าง ล้มเหลวบ้าง แต่เมื่อล้มแล้วก็ต้องลุกขึ้นมา

ดร.อดิศวร์ พร้อมด้วยคณะกรรมการตัดสิน และเยาวชนเพาะพันธ์ุปัญญาแคมป์รุ่นที่ 1 ในกิจกรรมแคมป์ กล้าเรียน

“มูลนิธิฯ มีความตั้งใจที่จะทำให้โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์เป็นพื้นที่ที่ให้โอกาสเยาวชนในจังหวัดน่านได้พัฒนาองค์ความรู้ใหม่และไอเดียธุรกิจที่สร้างสรรค์ ได้ลงมือทำธุรกิจจริง ซึ่งจะทำให้ได้พัฒนาทักษะในการจัดการอย่างมืออาชีพทั้งกระบวนการ ฝึกฝนการทำงานเป็นทีม ตัดสินใจอย่างเป็นระบบ เรียนรู้ที่จะล้มเหลวและลุกขึ้นสู้อย่างไม่ท้อถอย สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมแคมป์ โดยเชื่อมั่นว่าองค์ความรู้และประสบการณ์จากเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ จะเติมเต็มและสร้างความพร้อมให้กับเยาวชนในการรับมือกับโจทย์ใหม่และความท้าทายที่จะเข้ามาในอนาคตอย่างมั่นใจและสมดุล ซึ่งระบบการเรียนรู้นี้จะเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ให้มีสมรรถนะในการพัฒนาและสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศต่อไป”ดร.อดิศวร์ กล่าวในท้ายที่สุด

 

You Might Also Like