กันยายน 30,2025…สำหรับเหล่าบัณฑิตที่ก้าวออกจากรั้วจามจุรี การได้รับพระราชทานปริญญาบัตรไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จทางวิชาการ แต่ยังสะท้อนถึงการเดินทางที่เต็มไปด้วยความพยายาม การจัดการชีวิตระหว่างงานกับการเรียน และการเติบโตท่ามกลางสังคมแห่งการเกื้อหนุน เสมือนครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งหล่อหลอมให้พวกเขาออกไปสู่โลกกว้างด้วยความรู้ ความสามารถ และความพร้อมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม
ริสา หงส์หิรัญ (รีเบคก้า รัสเซลล์) ในฐานะดุษฎีบัณฑิตด้านพัฒนศึกษา เธอไม่เพียงรับบทบาทนักแสดงและนักธุรกิจ แต่ยังทำหน้าที่ผู้แทนนิสิตกล่าวคำปฏิญญาในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรปีนี้ เส้นทางที่เธอผ่านพ้นมาคือเรื่องราวของความมุ่งมั่นและพลังใจท่ามกลางวิกฤตโควิดที่เคยขวางกั้น
“รู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคทั้งการเรียนควบคู่กับการทำงานและสถานการณ์โควิดจนสำเร็จการศึกษา พร้อมได้รับเกียรติเป็นผู้แทนนิสิตนำบัณฑิตกล่าวคำปฏิญญาในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรปีนี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมรุ่นและอาจารย์ที่ปรึกษาที่ไม่เคยปล่อยมือและเป็นพลังสำคัญสู่ความสำเร็จ หัวใจสำคัญตลอดเส้นทางการเรียนการเรียนปริญญาเอกยึดหลักความมุ่งมั่น ความสัมพันธ์ และความทุ่มเทในการทำงานวิจัย”
ขณะเดียวกัน เทศน์ ไมรอน และ ต้นตะวัน ตันติเวชกุล แสดงให้เห็นถึงการสร้างสมดุลระหว่างการเรียนและการทำงานในวงการบันเทิง ด้วย “วินัย” และ “ความรับผิดชอบ” ที่ทำให้ทั้งคู่สามารถคว้าเกียรตินิยมได้สำเร็จ
เทศน์ ไมรอน บัณฑิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ หลักสูตรนานาชาติสาขาวิชาภาษาและวัฒนธรรม (BALAC) เกียรตินิยมอันดับ 2 นักแสดงและนายแบบ เล่าถึงความภาคภูมิใจที่สำเร็จการศึกษาและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรว่า
“นอกจากจะเป็นวันสำคัญของตัวเองแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัว อาจารย์ และผู้สนับสนุนทุกคนด้วย ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ยึดหลัก “วินัย” และ “การบริหารเวลา“ อย่างสมดุล ทำให้ประสบความสำเร็จในการเรียนและการทำงานไปควบคู่กัน พร้อมทั้งไม่ลืมที่จะเติมความสุขในการใช้ชีวิตให้กับตัวเอง ช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุดคือการได้อยู่กับเพื่อน ๆ และทำกิจกรรมร่วมกัน จุฬาฯ เป็นพื้นที่แห่ง แรงบันดาลใจและโอกาสที่ช่วยต่อยอดให้เกิดการเติบโต”
ต้นตะวัน ตันติเวชกุล บัณฑิตคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เกียรตินิยมอันดับ 2 นักแสดงภาพยนตร์และซีรีส์ เผยว่า
“รู้สึกภาคภูมิใจที่สำเร็จการศึกษาในปีนี้ เป็นความสุขและความสำเร็จที่ได้มาจากการเรียนอย่างหนักตลอด 6 ปี พร้อมทั้งได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่า โดยยึดหลักความรับผิดชอบ การโฟกัส และทุ่มเทกับสิ่งที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ประทับใจมิตรภาพของเพื่อน ๆ ในคณะที่คอยช่วยเหลือกันอย่างอบอุ่น ความโดดเด่นของจุฬาฯ ในความทรงจำคือสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียน การมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมถึงองค์ความรู้ที่เข้มข้น
ส่วน เนตต์ เขมะโยธิน ตัวแทนคนรุ่นใหม่จาก BAScii จุฬาฯ ถ่ายทอดความทรงจำว่าชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ใช่เพียงการเรียน แต่คือการสร้างมิตรภาพ การทำกิจกรรม และการเรียนรู้ที่ก่อร่างเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้
เนตต์ เขมะโยธิน บัณฑิตหลักสูตร BAScii สถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาฯ ลูกชาย นุติ – กมลชนก เขมะโยธิน เผยความรู้สึกว่าดีใจและภูมิใจที่สำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตจุฬาฯ
“ประทับใจช่วงเวลา 4 ปีในรั้วจามจุรี แม้ในปีแรกของการเรียนจะเป็นช่วงโควิด ทำให้ต้องเรียนออนไลน์ทั้งปี ชีวิตในมหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่มีค่า ประทับใจชีวิตนิสิตจุฬาฯ ได้ใช้เวลากับเพื่อนๆ ได้แชร์ความสุข และทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน จุฬาฯ มีบรรยากาศที่น่าเรียน มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งกีฬา วิชาการ เช่น กิจกรรมรับน้อง เป็นนักกีฬาฟุตบอลไปแข่งขันในรายการต่าง ๆ การเรียนที่ผ่านมามีการทำงานเป็นกลุ่มเกือบทุกวิชา โดยในปีสุดท้ายต้องทำงาน Senior Project การเรียนในมหาวิทยาลัยไม่ใช่แค่เรียนอย่างเดียว ต้องทำกิจกรรมควบคู่ไปด้วย ทำให้ได้รู้จักเพื่อน ๆ ที่หลากหลายและทำให้ได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่า 4 ปีที่ผ่านไปไม่สามารถย้อนกลับมาได้”
เสียงสะท้อนจากเหล่าบัณฑิตเหล่านี้ตอกย้ำสิ่งที่ ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ ย้ำเสมอว่า “การศึกษา” คือพลังในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน จุฬาฯ จึงมิใช่เพียงสถาบันการศึกษา แต่คือระบบนิเวศที่ออกแบบมาเพื่อสร้างบัณฑิตที่มีทั้งความรู้และหัวใจในการพัฒนาสังคม
วันนี้ บัณฑิตสายบันเทิงเหล่านี้คือตัวอย่างชัดเจนของการผสมผสานความฝัน ความรับผิดชอบ และความหมาย เพื่อเดินหน้าต่อในบทบาทใหม่ที่ใหญ่กว่าตัวเอง
เรื่องราวของบัณฑิตสายบันเทิงจากรั้วจามจุรี สะท้อนว่า “ความสำเร็จ” ไม่ได้จบลงที่ปริญญา แต่คือการนำความรู้และประสบการณ์ไปต่อยอดเป็นพลังสร้างสรรค์ เพื่อให้ศิลปะ การศึกษา และสังคม ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างยั่งยืน








