ALTERNATIVE

เผย 4 กลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหา “การนอน” ควรมาปรึกษาแพทย์เป็นอันดับต้น ๆ

8 กรกฎาคม 2565… “การนอน” เป็นองค์ประกอบถึง 1 ใน 3 ของชีวิตทั้งหมด การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมร่างกายและปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย แต่ถ้ามีปัญหาการนอน สามารถส่งผลให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ ได้แน่นอน


เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พร้อมคณะแพทย์ นพ. เขษม์ชัย เสือวรรณศรี รองประธานอาวุโสปฏิบัติการด้านการแพทย์ และแพทย์ชำนาญการด้านประสาทวิทยา พญ. เบญจมาศ อินทรโภคา แพทย์ชำนาญการด้านโรคระบบหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ พญ. ดารกุล พรศรีนิยม แพทย์ชำนาญการด้านประสาทวิทยาและเวชศาสตร์การนอนหลับ ศ. นพ. ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ แพทย์ชำนาญการด้านหู คอ จมูกและเวชศาสตร์การนอนหลับ ร่วมกันตอบโจทย์ทุกปัญหาการนอน เผยผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจพบภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย สูงถึง 50% ย้ำควรตรวจวินิจฉัยเพื่อรักษาสาเหตุของโรคได้อย่างทันท่วงที

กลุ่มที่มีความเสี่ยงและควรมาปรึกษาแพทย์เป็นอันดับต้นๆ คือ

1.กลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไตวาย โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคความจำเสื่อม โรคอ้วน หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) เกิน 30 ขึ้นไป ซึ่งคนที่มีโรคประจำตัวดังกล่าว จะมีโอกาสสูงถึง 50% ที่จะมีภาวะนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย
2.กลุ่มที่มีภาวะนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ
3.กลุ่มที่มีอาการง่วงนอนสูงในระหว่างวัน
4.กลุ่มที่มีอาการนอนไม่หลับ เช่น สัปดาห์หนึ่งเกิน 3 วัน นานติดต่อกันเกิน 1 – 3 เดือน ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ หรือกลุ่มที่ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนเดิม หรือมีภาวะอารมณ์ผิดปกติ หรือภาวะซึมเศร้า

ทั้งนี้ ปัญหาการนอนที่พบบ่อยมากที่สุดและมาปรึกษาแพทย์ที่ ‘คลินิกคุณภาพการนอนหลับ’ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คือ ภาวะนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ รองลงมาคือ อาการนอนไม่หลับ โดยเบื้องต้นแพทย์จะทำการประเมินซักถามผู้ป่วย และทำการวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุ โดยส่วนใหญ่แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นการตรวจที่เป็นมาตรฐาน (Gold Standard) ที่มีความละเอียดแม่นยำมากที่สุด ตรวจในห้องปฏิบัติการตรวจการนอนหลับในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 คืน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดตลอดทั้งคืน ทำให้ได้ผลวิเคราะห์ที่แม่นยำและทราบถึงสาเหตุแท้จริงของปัญหาการนอน ซึ่งจะทำให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการตรวจ Sleep Test ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ

1.ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อลูกตา ใต้คาง และขา คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ทำให้ทราบว่าหลับตื้นหรือหลับลึก วงจรการหลับเป็นปกติหรือไม่ หรือการนอนมีคุณภาพที่ดีเพียงพอหรือไม่
2.ตรวจวัดลมหายใจ ว่าหายใจปกติหรือไม่ หรือหายใจแผ่ว หรือมีการหยุดหายใจขณะหลับ
3.ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด ว่าค่าออกซิเจนอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ บางคนหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งกรณีที่มีค่าออกซิเจนต่ำลงมาก จะมีความเสี่ยงทำให้อวัยวะในร่างกายไม่ทำงาน และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ปัจจุบัน การรักษาภาวะนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ มากกว่า 95% แพทย์ทั่วโลกนิยมรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวกเพื่อขยายช่องทางเดินหายใจ ซีแพพ (Continuous Positive Airway Pressure: CPAP) ซึ่งทางการแพทย์ถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ด้วยหลักการปล่อยให้แรงดันอากาศเปิดช่องคอที่แฟบให้เปิดขยาย ทำให้ไม่เกิดการอุดกั้นเวลาหายใจขณะที่นอนหลับ โดยไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้สามารถรักษาภาวะนอนกรน และภาวะนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับได้ทุกระดับอาการ

ใครที่มีปัญหา “การนอน” จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไป

 

You Might Also Like