Waste to Worth จากแสนสิริและ กทม. ผลักดันการจัดการขยะด้วยแนวคิด Circular Economy Waste to Worth จากแสนสิริและ กทม. ผลักดันการจัดการขยะด้วยแนวคิด Circular Economy

แสนสิริ x กทม. “Waste to Worth” โมเดลขยะสร้างคุณค่า

เปลี่ยนขยะเหลือใช้เป็นของมีค่า ผ่าน #WasteToWorth x #ไม่เทรวม

สิงหาคม 21,2025…ท่ามกลางวิกฤตสิ่งแวดล้อม แสนสิริ อสังหาฯ ไทยรายแรกที่ตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2050 ก้าวสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ผลักดันนโยบายจัดการขยะอย่างยั่งยืนระดับเมือง ผ่านโครงการ #WasteToWorth และ #ไม่เทรวม ส่งเสริมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง สร้างคุณค่าใหม่จากวัสดุเหลือใช้ และตอกย้ำบทบาทภาคเอกชนในการสนับสนุนนโยบายสิ่งแวดล้อมของรัฐ

ในปี 2025 แสนสิริพร้อมยกระดับผลลัพธ์โครงการ #WasteToWorth แยกขยะให้เกิดประโยชน์ ที่เริ่มต้นจากภายในองค์กร ขยายผลสู่ระดับเมือง ผ่านการร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการพัฒนาเมืองและชุมชนอย่างยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจากสำนักงานจัดการมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ให้การอบรมแนวทางการจัดการขยะภายในโครงการอย่างเป็นระบบและถูกวิธี​ แก่ทีมวิศวกร ทีมพลัส พร็อพเพอร์ตี้ และนิติบุคคลทุกโครงการของแสนสิริ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการบังคับใช้เกณฑ์ค่าธรรมเนียมขยะอัตราใหม่ของกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568

จากวิสัยทัศน์แห่งการเปลี่ยนแปลงของโครงการ #WasteToWorth แยกขยะให้เกิดประโยชน์ของแสนสิริ ล่าสุด สานต่อกับ #1โปรเจค1ผลิตภัณฑ์ แคมเปญที่จะเปลี่ยน “วัสดุเหลือใช้” ให้กลายเป็น “ของมีค่า” ด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีขีดจำกัด ผ่านความเชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบของทีมสถาปนิก วิศวกร ตลอดจนคนงานก่อสร้าง โดยนำเศษวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้างกว่า 80 โครงการทั่วประเทศ มาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านกระบวนการอัพไซคลิ่ง (Upcycling) อาทิ

ชุดอุปกรณ์ออกกำลังกายจากเศษปูน ชุดม้านั่งสวนสาธารณะจากสายยางรัดกล่องกระเบื้อง เก้าอี้จากเศษโลหะเหลือใช้ เป็นต้น ที่ทั้งสวยงาม ใช้งานได้จริง และมีมูลค่า ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงรูปธรรม ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น

-ลดขยะได้ 45 ตัน คิดเป็น 71% เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณขยะทั้งหมดในปี 2567
-เพิ่มอัตราการรีไซเคิลขยะเป็น 54% ในพื้นที่ก่อสร้าง
-ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 5.4 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
-ผลิตผลงานอัพไซคลิ่งมากกว่า 150 ชิ้น จากวัสดุเหลือใช้

ความยิ่งใหญ่ของโครงการนี้ไม่ได้หยุดเพียงแค่การจัดการขยะ แต่ยังเป็นการปฏิวัติวิถีชีวิตของชุมชนให้ดียิ่งขึ้นด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์อัพไซคลิ่งให้กับชุมชน โรงเรียน และแคมป์คนงานก่อสร้างของแสนสิริเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ผ่านการร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร คัดเลือกผลิตภัณฑ์อัพไซคลิ่งและสถานที่ส่งมอบให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อสนับสนุนนโยบาย “สวน 15 นาที” ของกรุงเทพมหานคร โดยมีการกระจายผลิตภัณฑ์อัพไซคลิ่ง ทั้งอุปกรณ์ออกกำลังกาย โต๊ะ เก้าอี้ และเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง ให้กับสวนป่าเอกมัย ซึ่งเป็นพื้นที่สวนสาธารณะใจกลางเมืองแห่งใหม่ในเขตวัฒนาและเป็นพื้นที่สาธารณะรอบโครงการของแสนสิริ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้ภายในระยะทาง 15 นาทีจากที่พักอาศัยได้

ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและกรุงเทพมหานครในครั้งนี้ นับเป็นการบูรณาการระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นประเด็นเร่งด่วนของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาขยะในเขตเมืองใหญ่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง และคาดหวังว่าจะกลายเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบการพัฒนานโยบายการจัดการขยะในระดับจังหวัด รวมถึงในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยต่อไป