สิงหาคม 15,2025…เอสซีจี ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายพันธมิตร เดินหน้าจัด 2 โครงการสำคัญ ได้แก่ หลักสูตร Net Zero Accelerator Program 2026 (NZAP 2026) และโครงการ Go Together ซีซัน 2
เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันท่ามกลางความท้าทาย พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม และเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทาง Inclusive Green Growth หลังสำเร็จเกินเป้า มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,400 รายทั่วประเทศ เตรียมเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรเข้มข้น เพื่อเสริมศักยภาพและตอบโจทย์ SMEs ได้อย่างตรงจุด
ดร.ชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ – การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี กล่าวว่า SMEs หัวใจเศรษฐกิจไทย สร้างรายได้กว่า 35% ของ GDP และจ้างงานกว่า 70% ของแรงงาน แต่กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนสูง การแข่งขันรุนแรง เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก ทำให้การปรับตัวไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” แต่คือ “ทางรอด” เดียว
การมีหลักสูตร NZAP 2025 และ Go Together ซีซันแรก เพื่อตอบโจทย์ทางรด ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,400 รายทั่วประเทศ สะท้อนความพร้อมของ SMEs ในการก้าวสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือและลดก๊าซเรือนกระจกได้จริง
“ปี 2026 เดินหน้าด้วย NZAP 2026 และ Go Together ซีซัน 2 ในรูปแบบเข้มข้นขึ้น NZAP ขยายจาก 8 เป็น 12 สัปดาห์ ส่วน Go Together เน้นเสริมศักยภาพผ่านการดูงานจริง รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และเข้าถึงเทคโนโลยี-แหล่งทุน โดยได้พันธมิตรรายใหม่อย่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและ สสว.”
ณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กล่าวว่า กรมฯ เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ด้วยแนวทาง “4 ให้ 1 ปฏิรูป” ส่งเสริมผู้ประกอบการนำโมเดล BCG และอุตสาหกรรมสีเขียวมาปรับกระบวนการผลิตและจัดการสิ่งแวดล้อม สู่การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ Industry 5.0 ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส”
การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังความร่วมมือทุกภาคส่วน ภาครัฐ-เอกชน-เครือข่ายพันธมิตร ร่วมส่งต่อองค์ความรู้และการสนับสนุนถึงมือ SMEs เพื่อก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทาง Inclusive Green Growth
ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนอย่างเอสซีจี ก็เดินหน้าสนับสนุน SMEs ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนผ่านการดำเนินผ่านหลักสูตร NZAP และโครงการ Go Together โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนใน 3 แนวทาง ได้แก่
- การเสริมศักยภาพด้วยเทคโนโลยี เช่น การประยุกต์ใช้ AI และเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับทักษะแรงงานให้สามารถรับมือกับงานที่ซับซ้อนและมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
- การผลักดันการใช้พลังงานทางเลือกในภาคธุรกิจ ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานควบคู่กับการลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม
- การสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ผ่านโครงการต้นแบบ อาทิ โครงการสระบุรีแซนด์บอกซ์ โมเดลความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม สร้างพื้นที่ในการทดลองใช้พลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ พร้อมขยายผลสู่ระดับประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน
“ผมเชื่อว่า หากทุกภาคส่วนร่วมมือและลงมือทำอย่างจริงจัง เราจะสามารถก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปได้ และร่วมกันผลักดัน SMEs ไทยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่ออนาคตของประเทศต่อไป” ดร.ชนะ กล่าวทิ้งท้าย