ดิจิทัลเพื่อความหลากหลายและความเท่าเทียมของ LGBTQIAN+

เปิดพื้นที่โอบรับความหลากหลายบนเทคโนโลยีดิจิทัล

มิถุนายน 23, 2025… เทคโนโลยีดิจิทัลควรเปิดพื้นที่ให้ LGBTQIAN+ แสดงตัวตนได้อย่างปลอดภัย มีสิทธิเท่าเทียม เช่น การออกแบบ App ระบบ AI หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่เลือกปฏิบัติ

หลังพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมในประเทศไทยผ่านฉลุย หลายคนมองว่านี่คือความสำเร็จ และถือเป็นประตูที่เปิดรับความหลากหลายให้มีความเป็นรูปธรรมมาขึ้น แต่อีกหลายฝ่ายก็ยังมองว่าความเหลื่มล้ำบนโลกออกไลน์ยังคงเป็นปัญหาที่อาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ไข BANGKOK PRIDE FORUM 2025 จึงเปิดหัวข้อที่น่าสนใจอย่าง Diversity And Inclusive Digital For LGBTQIAN+ เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลควรเปิดพื้นที่ให้ LGBTQIAN+ แสดงตัวตนได้อย่างปลอดภัยและมีสิทธิเท่าเทียม เช่น การออกแบบแอปพลิเคชัน ระบบ AI หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่เลือกปฏิบัติ

สุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด กล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด นันท์ชญา โต๊ะทอง Account Director ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ Jenosize Digital Group เป็นผู้ร่วมเสวนาหัวข้อนี้

พื้นฐานของ 3 วิทยากรในฐานะคนทำงานด้านดิจิทัลให้มุมมองเกี่ยวกับการนํา Inclusive Design หรือว่า Digital Equity มาใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือว่า การให้บริการ รวมถึงการออกแบบ Platform digital ขององค์กรตนไว้อย่างน่าสนใจ

สุวิตา , กล้า , นันท์ชญา : จาก linkedin

กล้าเผยว่าเรื่อง Inclusive ใน Platform เป็นเรื่องที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ยกตัวอย่างเช่น ใบสมัครงานที่มีแค่ชายหญิง เราสามารถเลือกข้ออื่นได้ไหม หรือไม่เลือกเลยได้หรือเปล่า ซึ่งต้องอาศัยการผลักดันอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่นันท์ชญามองว่าแม้ในวงการ Creative agency จะเปิดกว้างและต้อนรับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ แต่ในความเป็นจริงบน System ยังไม่ได้ถูกวางแผนหรือออกแบบมาเพื่อบุคคลข้ามเพศอย่างจริงจังมากนัก

จาก AI

ด้านสุวิตาอธิบายว่าเทลสกอร์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Content Creator ใส่เรื่อง Inclusive เข้าไปในแพลตฟอร์มตั้งแต่วันแรกที่เปิดบริษัท แม้ช่วงแรกคนอาจจะยังไม่แสดงตัวตนที่ชัดเจน แต่ถึงวันที่ต้องการแสดงออกระบบก็พร้อมสำหรับคนกลุ่มนี้

นันท์ชญาเสริมเรื่องของการนำ Inclusive Design ไปประยุกต์กับลูกค้าว่า ช่วงออกแบบระบบ ไม่ใช่แค่คิดว่าจะออกระบบมาให้ใช้งานง่ายหรือทำให้ Seamless แต่ระหว่างกระบวนการคิดต้องคิดและคอยย้ำกับลูกค้าเสมอว่าลืมคิดถึงใครหรือเปล่า ไม่ใช่แค่เรื่องของเพศอย่างเดียว แต่รวมถึงทุกเรื่อง

อย่างไรก็ตามการจะทำเรื่อง Inclusive Design ให้สำเร็จจำเป็นต้องหาโอกาสและแนวทางในการร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐฯ เอกชน ภาคประชาสังคม เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมในการส่งเสริมความเท่าเทียม ลดอคติของระบบ และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังโดยเฉพาะกลุ่ม LGBTQIAN+

ประเทศไทยเปิดกว้างมากๆเรื่องนี้ ถ้าเราทํา Branding ว่าโอเค คนจีนสอนลูกหลานอย่างไร ลูกทําไมถึงได้เก่งจัง ก็เขาขยันใช่ไหมคะ คนญี่ปุ่นสอนลูกหลานอย่างไร ลูกทําไมถึงได้มีระเบียบเรียบร้อย คนไทยสอนลูกหลานอย่างไร ลูกทําไมถึงได้ Inclusive เราได้รับการสืบทอดดีเอ็นเอกันมาโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่เราเป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณค่าทางวัฒนธรรมตัวนี้ เราอยากยกให้เป็น Hard Power

ก้าวต่อไปในการที่จะพัฒนาโลกดิจิทัลให้เป็นพื้นที่โอบรับเคารพแล้วก็สะท้อนความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง วิทยากรทั้งสามเห็นตรงกันว่า เรื่องสมรสเท่าเทียมอาจจะเป็นก้าวแรกของการเป็นกระบอกเสียง แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรได้

สิ่งที่คาดหวังให้เกิดขึ้นคือ การผลักดันให้กลุ่ม LGBTQIAN+ ได้เข้าไปนั่งอยู่ในการวางโครงสร้างและระบบต่างๆของสังคม เพื่อเป็นส่วนร่วมในการวางรากฐานให้ชุมชน LGBTQIAN+ ในอนาคต

“พอมีสมรสเท่าเทียมสิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ราชการเกิดการยอมรับ เพราะบนวงการดิจิทัลเปลี่ยนแปลงมานานแล้ว เรายอมรับและผลักดันเรื่องนี้มานานแล้วเพราะนั่นเป็นพื้นที่ที่เราทำได้ เหลือแค่ภาครัฐที่ต้องรอพ.ร.บ.ผ่านเขาถึงทำได้ ต้องยินดีด้วยที่วันนี้กลุ่ม LGBTQIAN+ ไม่ได้มีตัวตนแค่ในออนไลน์ แต่มีตัวตนจริงๆโดยเอกสารทางราชการได้แล้ว”

กล้ากล่าวต่อเนื่องในท้ายที่สุดว่า ดิจิทัลเป็นแค่เครื่องมือของเราในการใช้ชีวิตให้สะดวก เพิ่มประสิทิภาพในการสื่อสาร เพราะฉะนั้นอย่างมองเกินกว่าการเป็นเครื่องมือ อย่าพึ่งพามากเกินไป อย่ามองเป็นทางออก หรือตัวปัญหา ซึ่งเครื่องมือนี้เปลี่ยนเร็วและมีของใหม่มาแทนเรื่อย ๆ เราต้องพึ่งตัวเองให้มากแล้วใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเสริมเพื่อให้เราทำสิ่งนั้นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิฉะนั้นเราจะตกเป็นทาสของดิจิทัล