1 พฤษภาคม 2567…ในงาน ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป x อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว โซลูชัน AI Climate Technology Platform ก็ได้มีการกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น Generative AI ปล่อย GHG ใช้ไฟฟ้า+น้ำฉ่ำฉ่ำ “อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม”
วิลเลี่ยม ซอง รองประธาน อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ และผู้จัดการทั่วไปธุรกิจระหว่างประเทศด้านโซลูชันอุตสาหกรรม อธิบายเรื่องของการใช้พลังงานจำนวนมากของ Generative AI แต่หลังจากประชุม Global Summit ในเรื่องของ AI และ Sustainability มา โดยช่วงพรีเซนต์ได้พูดเรื่อง Speed of แล้วก็ Optimization มีวลีหนึ่งที่มีพูดกันคือ What ,When จะทําอะไรเมื่อไหร่
“Generative AI จะทำอะไร เมื่อไหร่ จําเป็นไหม และได้ผลประโยชน์อย่างไรเพราะฉะนั้นการที่จะไปบริหารจัดการการใช้พลังงาน ผู้ที่จะใช้เทคโนโลยีต้องคํานึงถึงสิ่งเหล่านี้ก่อน เราพูดกันในเรื่อง โมเดลขนาดใหญ่ หรือเล็ก จริงจริงแล้ว 2 ขนาดนี้มีนัยยะในการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน เล็งผลเลิศก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็จะกลับไปที่ว่า เราอยากได้อะไร จากอะไรเพื่อให้ได้สิ่งที่คุ้มค่าและมีประโยชน์ได้ยั่งยืนที่สุด”
ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามวลีดังกล่าวแล้วคือ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป เปิดตัว “Climate Technology Platform” ใช้งานร่วมกับโซลูชัน AI ของอาลีบาบา คลาวด์
วิลเลี่ยม ซอง รองประธาน อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ และผู้จัดการทั่วไปธุรกิจระหว่างประเทศด้านโซลูชันอุตสาหกรรม
Climate Technology Platform อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น คลาวด์, IoT และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากการรวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่งสู่แพลตฟอร์ม DataVisor สมองกลอัจฉริยะของทรู ดิจิทัล ผสานพลัง AI ประมวลผลข้อมูลเชิงลึกบนแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics Platform) และ Energy Expert ของอาลีบาบา คลาวด์ ทำให้ Climate Tech เป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่สามารถรองรับทุกมิติในการใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการเรื่อง Climate แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่
เปลี่ยนระบบเดิม ๆ เป็นดิจิทัล (turn physical to digital) ด้วยเทคโนโลยี IoT และอุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่าง ๆ
เชื่อมต่อระบบพลังงานจากแหล่งต่าง ๆ แบบองค์รวม ครอบคลุมทั้งแหล่งพลังงานใหม่ที่เป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewal Energy) อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) และพลังงานจากน้ำ เข้ากับระบบพลังงานไฟฟ้า (Power Grid)
ใช้ AI ทำการวิเคราะห์เชิงลึกและให้ข้อมูลเชิงคาดการณ์ และสร้างระบบบริหารจัดการพลังงานอัตโนมัติ ที่ช่วยให้องค์กรสามารถควบคุมและจัดการระบบพลังงานได้แบบเรียลไทม์และแม่นยำ รวมถึงแสดงค่าสถิติต่าง ๆ ผ่านแดชบอร์ดและรายงานที่ใช้งานง่าย เพื่อติดตามสถานะการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ คำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร และอื่น ๆ เพื่อให้คำแนะนำเชิงคาดการณ์ที่เป็นไปตามอัลกอริธึม AIการวางแผนด้านการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้เป็นไปตามเป้าหมายองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ บริษัทขนาดใหญ่อย่างโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ใช้ Climate Technology Platform แบบเต็มรูปแบบ เพื่อติดตามและบริหารจัดการระบบพลังงานของโรงพยาบาล เช่น ระบบทำความเย็น ควบคู่กับการใช้ Energy Expert วิเคราะห์ข้อมูลและให้การคาดการณ์เชิงลึกของ อาลีบาบา คลาวด์ ช่วยให้โรงพยาบาลมีความก้าวหน้าที่ชัดเจนด้านประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้โรงพยาบาลใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
“สำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือ SME ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ได้เตรียมไว้แล้ว เรื่องแรกเลยก็คือว่าเราจะลดฟีเจอร์บางอย่างที่ไม่มีความจําเป็นสําหรับลูกค้าขนาดกลางหรือลูกค้าขนาดเล็ก เหมือนเป็นสตาร์ทเตอร์แพ็คหรือสตาร์ทเตอร์เอดิชั่นสําหรับลูกค้า SME แต่ยังใช้ได้อยู่แต่ว่าเป็นเบสิคเริ่มต้น บางฟีเจอร์ไม่จำเป็นใน SME ก็ตัดออก”
เอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขยายความต่อเนื่อง
“เรื่องสองเราจะทําให้ทุกอย่างมันเป็นแบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องมีทีม กดปุ่มปุ๊บรู้เลย แล้วก็เพิ่มแอคชั่นต่าง ๆ ให้ได้เลยสิ่งนี้เราก็ใช้อยู่ในหลาย ๆ เทคโนโลยีที่ทรูดิจิตอลพัฒนาขึ้นมา เรื่องสามเห็นว่ามันมีประโยชน์มาก เพราะว่าเราเป็น platform-as-a-service เพราะฉะนั้น จะช่วยให้ SME ไม่ต้องคิดมากนะครับ Subscribe เซอร์วิส แบบเน็ตฟลิกซ์หรืออะไรก็ตาม จ่ายเป็นเดือนแล้วก็ใช้ได้”
เอกราช กล่าวในท้ายที่สุด Climate Technology Platform ทําเพื่อไปสู่ตลาดวงกว้างกับธุรกิจทุกขนาด และมั่นใจว่าจะยกระดับการใช้งานในด้านพลังงานในประเทศได้อีกทางหนึ่ง
