ตุลาคม 15,2025…เพราะเทคโนโลยีคือเครื่องมือทรงพลังที่สุดของการสร้างการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษนี้ แต่ระบบจำนวนมากที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ กลับถูกออกแบบจากข้อมูลและมุมมองที่ “ละเลยผู้หญิง” ไปโดยไม่รู้ตัว
จากข้อมูลในหนังสือ Invisible Women จนถึงระบบอัลกอริธึมที่ยังฝังอคติทางเพศโดยไม่ตั้งใจ นี่คือจุดเริ่มต้นของการ Re-Code หรือ “เขียนระบบใหม่” ในแบบที่เป็นตัวเอง ซึ่ง SD Perspectives เชื่อว่าผู้หญิงกำลัง “เขียนอนาคต” ใหม่ (Women Re-Coding the Future) ผ่านพลังของเรื่องเล่า เทคโนโลยี วัฒนธรรม ความคิด และความยั่งยืน ในแบบที่เป็นตัวเอง และไม่ขอรอให้ใครอนุญาตอีกต่อไป เพื่อสร้างระบบเทคโนโลยีที่เท่าเทียม ครอบคลุม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
“ผู้หญิงไม่ได้แค่เข้ามาในระบบ แต่กำลังเขียนระบบใหม่ให้กับโลกที่เราอยากอยู่ร่วมกัน”
SD Perspectives สัมภาษณ์ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย สะท้อนภาพผู้นำหญิงที่สามารถ “Re-Code” ระบบนโยบายระดับองค์กรข้ามชาติ เคลื่อนไหวด้าน Diversity in Tech มายาวนาน และมีความเข้าใจ “ระบบ” และ “ตัวตน” อย่างลึกซึ้ง

มุมอง “Re-Code the Future”
“Re-Coding the Future” สำหรับตัวเองคือ ความกล้าที่จะลุกขึ้นมาเขียนอนาคตขึ้นใหม่ โดยไม่ยึดติดกับ กรอบเดิม เป็นการตั้งเป้าหมายใหม่ กำหนดเกณฑ์ความสำเร็จใหม่ และสร้าง Impact ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวทันโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การ Re-Coding ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือการใช้พลังของมนุษย์และเทคโนโลยีร่วมกัน เพื่อสร้างประโยชน์ในสิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ ซึ่งต้องใช้ความกล้า ความเข้าใจ และความตั้งใจของผู้นำ “We make the impossible possible – not just with AI, but with heart.”
ปฐมาอธิบายต่อเนื่อง ที่เอคเซนเชอร์ เชื่อว่า การผสานระหว่างความสามารถของมนุษย์กับเทคโนโลยี่เข้าด้วยกัน คือ พลังที่ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ (Human + Technology = Superpower) นวัตกรรมที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้นได้ เมื่อทุกเสียง ทุกความคิดเห็น ได้ถูกรับฟัง ทุกความคิดที่แตกต่างได้รับการเคารพอย่างเท่าเทียม และที่สำคัญ คือการเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการออกแบบอนาคตร่วมกัน แม้ว่า อนาคตไม่สามารถ “ตั้งโปรแกรม” ไว้ล่วงหน้าได้ แต่อนาคตต้องการ “คน” ที่พร้อมทำงานร่วมกับเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะฉะนั้น โค้ดที่ดีที่สุดไม่ใช่โค้ด (code) ที่ซับซ้อนที่สุด แต่คือโค้ด (code) ที่สร้างความหมายและสร้างคุณค่าให้กับทุกคน
“บทบาทของผู้นำวันนี้ คือการ Re-Code อนาคตด้วยวิสัยทัศน์ แรงบันดาลใจ และการลงมือทำอย่างตั้งใจ เพราะโค้ดที่เราเขียน จะกลายเป็น Legacy ที่เราสร้างไว้ให้กับองค์กร สังคม ประเทศชาติ ที่จะส่งผ่านให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไป”
“ระบบ” ที่ไม่เผื่อพื้นที่ให้ผู้หญิงหรือ LGBTQ+ แก้อย่างไร
ปฐมาเห็นว่า ไม่ค่อยเจอความท้าทายนี้ในประเทศไทย เพราะพัฒนามาได้ไกลมาก แต่ไม่ปฏิเสธว่าในอดีตเมื่อก่อน เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้มาทำงานระดับโลก (Global Role) ใหม่ ๆ เคยเจออยู่บ้าง
“ครั้งหนึ่งในการประชุมกับผู้บริหารที่เป็นชาวต่างชาติ เราเป็นผู้หญิงคนเดียว แถมเป็นคนเอเชียคนเดียวในห้อง มีคนเข้าใจผิดว่าเป็นทีมงานที่มาช่วยประสานงาน เลยเดินมาขอกาแฟ วันนี้เราอาจจะเรียกมันว่าเป็น ‘อคติที่ไม่รู้ตัว’ หรือ Unconscious Bias ที่บางครั้งเราตัดสินหรือปฏิบัติต่อผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ได้ตั้งใจ วันนั้นส่วนตัวไม่ได้โกรธ แต่ยิ้มแล้วก็ถามว่าใครต้องการอะไร …. ใช้วิธีจำด้วยนะคะ ไม่ยอมจด จากนั้นก็เดินไปเอากาแฟ 7 แก้วมาเสิร์ฟให้ทุกคน ก่อนที่จะเดินไปนั่งหัวโต๊ะ ส่งยิ้มให้ พร้อมบอกว่า “This will be the most expensive coffee you’ve ever had.” ซึ่งเชื่อมั้ยว่า กาแฟแก้วนั้นก็กลายเป็นกาแฟที่แพงมากสำหรับคู่ค้าธุรกิจของเราในวันนั้นจริง ๆ เพราะสุดท้าย เขาก็รู้ว่าคนเสิร์ฟกาแฟคือใคร ทุกคนยอมรับในทุกข้อเสนอที่ต้องการผลักดัน อย่างไม่กล้าโต้แย้ง และที่สำคัญ เป็นการเปลี่ยนคู่ค้าทั้ง 7 คนให้มาเป็นเพื่อนที่ทุกวันนี้เวลาที่เราเจอกันในงาน เขาจะรีบมาทักทาย และเป็นคนเอากาแฟมาให้เราแทน”
นั่นเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่บทเรียนที่ได้รับ ปฐมาจะไม่ปล่อยให้ใครหรืออะไรมาเป็นตัวกำหนด หรือตัดสินว่าจะทำได้หรือไม่ได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่รอให้ใครให้อำนาจหรือตำแหน่งกับเรา แต่จะกำหนดแนวทางของตัวเอง และทุ่มเทเพื่อพิสูจน์ตัวเองด้วยสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่เพราะเราต้องการการยอมรับ แต่เพราะรู้ว่าสิ่งที่เราทำมีคุณค่า…จึงเชื่อเสมอว่า ไม่มีเส้นทางลัดสู่ความสำเร็จ
“สิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ และการได้เจอกับผู้คนมากมาย เรามักจะใช้เวลาพยายามแก้ไขหรือปรับ “จุดอ่อน” ของตัวเอง จนลืมที่จะใช้จุดแข็งที่เรามี มาเป็นพลังและแรงผลักดันที่ทำให้เราสามารถก้าวข้ามปัญหาและสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามา ถึงแม้ว่าบางครั้ง ระบบอาจไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้พื้นที่กับเราโดยเฉพาะ แต่เราก็ไม่จําเป็นต้องรอหรือได้รับอนุญาตก่อนจึงจะยืนหยัดเพื่อตัวเอง และสร้างพื้นที่สำหรับตัวเองให้ได้”
ปฐมามักจะบอกน้อง ๆ เสมอว่า “The wings are yours. And the sky belongs to no one – don’t ask permission to fly.” ปีกเป็นของคุณ ท้องฟ้าไม่เคยเป็นของใคร เพราะฉะนั้นไม่ต้องรอให้ใครอนุญาตให้คุณบิน
ถ้าวันนี้ คุณอยากเป็นผู้นำ จงลุกขึ้นแล้วต้องเริ่มลงมือทำ !
วันนี้ เทคโนโลยียังฝัง Bias ทางเพศอยู่ตรงไหนบ้าง
Bias หรือ อคติ มักแฝงอยู่ในเทคโนโลยีและนโยบายที่พัฒนาจากข้อมูลในอดีต หรือออกแบบโดยคนที่มีมุมมองจำกัด เมื่อธุรกิจนำเอา AI มาใช้มากขึ้น ยิ่งต้องระวังเรื่องการเลือกใช้ข้อมูล การสอน AI และ อัลกอริทึม (Algorithm) ให้เหมาะสมกับองค์กร เพราะหากไม่ได้ถูกออกแบบอย่างรอบคอบ อคติ หรือ Bias จะถูก Encode ลงในระบบโดยไม่รู้ตัว
“ที่เอคเซนเชอร์ เราให้ความสำคัญกับเรื่องความสำคัญของการนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ (Responsible AI) เพราะเราเชื่อว่า เทคโนโลยีที่ดี ต้องถูกออกแบบมาให้โปร่งใส ยุติธรรม และเข้าถึงได้”
นโยบายในที่ทำงานก็ต้องมีการทบทวนให้สอดคล้องกับความต้องการที่หลากหลาย เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ
“Ethical tech doesn’t happen by chance. It happens by design.”
ถ้าเขียนโค้ดหนึ่งบรรทัดเพื่อสร้างความเท่าเทียม จะเขียนว่าอะไร
“ชอบคำถามนี้มาก เพราะคือทำให้ต้องเลือกใช้คำที่ไม่ใช่แค่ปลดล็อกข้อจำกัด แต่ต้องเข้าใจโอกาสและความเป็นไปได้ ขอเลือกคำนี้”
R.I.S.E. = Respect. Inclusion. Strength. Empowerment.
R.I.S.E คือ การเคารพในความแตกต่าง เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาร่วมสร้างความเข้มแข็งและเสริมพลังให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน
“เชื่อเสมอว่า ทุกความแตกต่างคือการเติมเต็ม ถ้าเราสามารถปลดล็อกข้อจำกัด และสามารถเอาจุดแข็งของทุกคนเข้ามาหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียว โอกาสความเป็นไปได้ก็จะยิ่งเพิ่มทวีคูณ”
ปฐมาเชื่อว่า หน้าที่ของผู้นำวันนี้ ไม่ใช่แค่นำ แต่คือการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ให้โอกาสในการสร้างผู้นำที่สามารถขึ้นมานำด้วยตัวเอง โดยการสร้างพื้นที่ และเครื่องไม้เครื่องมือที่รวมความแตกต่าง เพื่อให้เราเติบโตไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม
“ส่วนตัวเชื่อเสมอว่า ความสำเร็จของผู้นำวันนี้ คือการช่วยให้คนอื่นได้มีโอกาสเติบโต We rise by lifting others, and we measure success by the number of leader we have built”
จาก IBM ถึง Accenture บทบาทผู้หญิงในวงการ Tech เปลี่ยนไปอย่างไร
“ต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนตอนที่เริ่มทำงาน เราจะเห็นผู้หญิงในบทบาทผู้นำในสายเทคโนโลยีน้อยมาก หลายครั้งเราต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเรา แต่วันนี้ สิ่งที่เปลี่ยนคือ องค์กรไม่ได้แค่เพิ่ม “เก้าอี้” ให้ผู้หญิง แต่กำลัง “รื้อโต๊ะ” แล้วสร้าง หรือออกแบบโต๊ะใหม่ที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม”
ปฐมากล่าวต่อเนื่องโดยเฉพาะที่เอคเซนเชอร์ เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนคือการที่สร้างพื้นที่ ที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงกล้าที่จะลุกขึ้นมาเป็นผู้นำในแบบของตัวเอง เ ผลักดันวัฒนธรรมองค์กรที่ให้นิยามของคำว่า “ผู้นำ” ที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แต่ต้องมีความเข้าใจ มีความยืดหยุ่นและพร้อมที่จะปรับ ที่สำคัญคือมีความจริงใจ (Authenticity)
ในขณะที่คำว่า Inclusion สำหรับปฐมา ไม่ใช่แค่ “Moment” หรือเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจบไป แต่คือ “Movement” ที่ต้องขับเคลื่อนในระยะยาว เมื่อต้องการยกระดับบทบาทของผู้หญิงในองค์กร ต้องไม่เปลี่ยนแค่ตัวเลข หรือสัดส่วนของจำนวนพนักงานให้มากขึ้น แต่กำลัง Re-Code อนาคตของวงการอุตสาหกรรมนี้ใหม่ทั้งหมดด้วย
Responsible Tech ต้องออกแบบอย่างไรถึงจะยุติธรรมและหลากหลายจริง
ปฐมาเชื่อว่า เทคโนโลยีที่ดีต้องถูกออกแบบด้วยเจตนาที่ชัดเจน โปร่งใส และคำนึงถึงความหลากหลายตั้งแต่ต้นทาง เพราะ จริยธรรม และความหลากหลาย ซึ่งไม่ใช่แค่ Checklist แต่คือความมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังให้สิ่งที่ถูกสร้างอยู่กับองค์กรในระยะยาว นั่นคือ ต้องสามารถใช้ได้กับการตัดสินใจทุกระดับ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ความเท่าเทียม และการเคารพความเป็นส่วนตัว ให้มากที่สุด
“ที่เอคเซนเชอร์ เรามีโปรแกรมที่กำกับดูแลการนำเอา AI มาใช้งาน (Responsible AI Program) ซึ่งถูกออกแบบให้ฝังอยู่ในทุกขั้นตอนของการทำงาน เราได้นำประสบการณ์และบทเรียนที่ได้เรียนรู้มาร่วมออกแบบระบบ เพื่อนำเอา AI มาใช้ ให้เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ที่ปลอดภัย สร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นธรรม”
ปฐมากล่าวต่อเนื่องว่า จะพูดเสมอ “เทคโนโลยีไม่มีจริยธรรมในตัวเอง แต่ผู้ออกแบบต้องมี” เพราะฉะนั้นการจะเลือกใช้เทคโนโลยีต้องดูผู้ออกแบบด้วย
อุปสรรคใหญ่ที่สุดที่กีดกันผู้หญิงไม่ให้ขึ้นสู่ผู้นำระดับสูงคืออะไร
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คิดว่า อุปสรรคใหญ่ที่สุดสำหรับผู้หญิงที่ขึ้นมาเป็นผู้บริหาร หลายครั้งไม่ได้มาจากระบบ หรือปัจจัยภายนอกเสมอไป แต่มาจาก “เสียงในหัวของเราเอง” บ่อยครั้ง เรามักรอให้ใครสักคนบอกว่า เราเก่งพอ หรือเราจะรอตอนที่คนเอาตำแหน่งมาให้อย่างเป็นทางการ ทั้งที่จริงแล้ว การเป็นผู้นำไม่ต้องรอการแต่งตั้ง”
ในฐานะที่เป็น Mentor ให้กับน้อง ๆ ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา หลายครั้ง ปฐมาเคยเห็นคนเก่งหลายคนไม่กล้าที่จะแสดงออกอย่างเต็มที่ เพียงเพราะรู้สึกว่าตัวเอง “ไม่พร้อม” หรือเชื่อว่าตัวเอง “ยังเก่งไม่พอ” “ยังดีไม่พอ” หลายคนรอให้ได้รับอนุญาตก่อนถึงจะก้าวขึ้นมาทำ บางคนชอบคิดว่า “ฉันยังเด็กไป” “ฉันยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ” “ถ้าฉันล้มเหลวล่ะ” “อาจจะต้องรอให้มีคนเลือกฉันก่อนหรือเปล่านะ” ทั้งหมดนี้คือ เสียงในหัวของเราเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ปฐมาจะแนะนำ Mentee เสมอว่า “You don’t have to wait to be chosen. You can choose yourself.”
ภาวะผู้นำไม่ได้เกี่ยวกับเพศ อายุ หรือตําแหน่งงาน แต่คือ ความกล้าที่จะลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง การมีจิตวิญญาณของความเป็นเจ้าของ (Ownership) และการมุ่งมั่นที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ส่งต่อคุณค่า (Impact) จะเป็นตัวกำหนดความเป็นผู้นำ เพราะฉะนั้น ถ้าเราต้องการเป็นผู้นํา เราต้องเริ่มต้นเปลี่ยนเสียงในหัวเราก่อน ถ้าคุณคิดว่า คุณก็ทำได้… It’s all about mindset.
วันนี้บทบาทหน้าที่ของปฐมาในฐานะผู้นำ คือการสร้างพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่ให้เขากล้าแสดงออก กล้าที่จะลุกขึ้นมาบอกว่าตัวเองพร้อมที่จะนำ “กล้าที่จะฝัน” “กล้าที่จะล้ม” และ “กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำมันอีกครั้ง” แต่ครั้งใหม่ ต้องใช้บทเรียนที่ได้เรียนรู้มาปรับปรุง
หน้าที่ของปฐมา ต้องทำให้คนเก่ง ๆ รู้ว่า เขามีตัวตน มีคนมองเห็น มีคนรับฟังความคิดของเขา และพร้อมที่จะสนับสนุนให้เขาเติบโตในองค์กรในแบบที่เขาเป็น โดยไม่ยึดติดกับลำดับขั้นหรือตำแหน่งงาน ดังนั้น จึงเชื่อเสมอว่า Inclusion ที่แท้จริงต้องจะมาพร้อมกับ การกระทำ (Action) ไม่ใช่แค่ เจตนา (Intention) เพราะความตั้งใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องลงมือทำจริงเพื่อให้เกิดผลลัพธ์
“Good intentions alone are not enough – action is what creates impact.”
เคยเปลี่ยน “กรอบคิดทั้งห้องประชุม” ด้วยมุมมองผู้หญิงอย่างไร
“ก่อนอื่น ต้องบอกว่า ส่วนตัวไม่เคยเดินเข้าห้องประชุมในฐานะ “ผู้หญิง” แต่ในฐานะ “ผู้นำที่มีเป้าหมาย” ไม่ได้โฟกัสว่าใครมองเราอย่างไร แต่โฟกัสว่าเราจะ สร้างคุณค่าให้กับประชุมนี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้น จะเตรียมตัวมาก่อนเข้าประชุมเสมอ และถ้าคิดต่าง จะไม่นิ่งเฉย แต่จะใช้วิธีการตั้งคำถาม หรือ นำเสนอมุมมองที่ให้ทุกคนในที่ประชุมได้หยุดคิด หรือเห็นมุมมองที่อาจจะแตกต่าง เพราะเชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาอยู่ในที่ประชุม มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือการทำให้ลูกค้า คู่ค้า หรือทีมประสบความสำเร็จ ดังนั้นการมีส่วนร่วมในที่ประชุม คือการสร้างความไว้วางใจว่า เรามีส่วนผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตำแหน่งเป็นตัวขับเคลื่อน”
It’s not about who you are in the room. It’s about what you bring to the room. เมื่อคุณสร้างคุณค่าในตัวเองที่แท้จริง ทุกคนจะสามารถรับรู้ว่า ความแตกต่างไม่ได้ทำให้เกิดความแตกแยก แต่จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ ออกมาดีที่สุด และการที่เราเตรียมตัวก่อนเข้าประชุม จำทำให้ทุกคนหยุด ถามว่า คุณคือใคร และเริ่มถามว่า… “เราจะทำสิ่งนี้ไปด้วยกันอย่างไร?”
การส่งเสริมผู้หญิงในองค์กรไทย ต่างจากต่างประเทศอย่างไร
ทุกประเทศ ทุกองค์กร ต่างมีบริบทและกำหนดบทบาทของตัวเองในการเดินหน้า เรื่องความเท่าเทียม ทางเพศ ซึ่งจะไม่มีสูตรสำเร็จในการส่งเสริมผู้หญิงให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือทุกคนมี ความตั้งใจ ในการส่งเสริมเรื่องนี้ ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ มีการกำหนดความร่วมมือที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโต ซึ่งช่วยส่งเสริมผู้หญิงได้ดี แต่หลาย ๆ ที่ก็ยังมีบรรทัดฐาน ความคาดหวัง และ กรอบความคิด ดั้งเดิมที่ยังคงเป็นความท้าทาย
การที่ได้มีโอกาสทำงานในองค์กรข้ามชาติ ได้มีโอกาสเรียนรู้ มีระบบที่สนับสนุนผู้หญิงหรือคนที่แตกต่าง ให้ขึ้นมาเป็นผู้นำที่ชัดเจน เช่น Mentorship, มีเป้าหมายที่วัดได้ (Measurable Goals) โปรแกรมที่ออกแบบสำหรับผู้นำอย่างเป็นระบบ (Leadership Program) ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ช่วยสนับสนุนการเติบโต สิ่งที่น่าดีใจคือ ผู้นำในหลาย ๆ องค์กร รวมถึงในประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญ และเริ่มลงมือทำให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน จริงจัง เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เกิดโอกาสที่เท่าเทียม เส้นทางของทุกคนอาจต่างกัน แต่เป้าหมายเหมือนกัน คือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่ให้ทุกคนในองค์กรเติบโตได้ในแบบของตัวเองอย่างเต็มศักยภาพ
“ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินทางบนเส้นทางนี้มากว่า 30 ปี ยังเชื่อเสมอว่า ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เริ่มจากคนที่กล้าที่จะฝัน และกล้าที่ลงมือทำ โดยไม่ยอมแพ้… และไม่หยุดเชื่อในพลังของตัวเองและคนรอบข้าง” ปฐมากล่าวในท้ายที่สุด
คลิกอ่านเนื้อหาภายใต้แนวคิด Women Re-Coding the Future






