SCG นำเสนอ Inclusive Green Growth ที่ Forbes Global CEO Conference 2025 | SD Perspectives Sustainability Media in Thailand SCG นำเสนอ Inclusive Green Growth ที่ Forbes Global CEO Conference 2025 | SD Perspectives Sustainability Media in Thailand

เอสซีจี แนวคิด “Inclusive Green Growth” เปลี่ยน Green ให้โตได้จริง @ Forbes Global CEO Conference 2025

แนวคิด Inclusive Green Growth จากธุรกิจอุตสาหกรรมหนักสู่การเติบโตที่ยั่งยืนของโลก

ตุลาคม 22 ,2025…ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจีเล่าเรื่อง Sustainable Philanthropy ถ่ายทอดแนวคิด “Inclusive Green Growth” ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของเอสซีจีในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ

“เราทำธุรกิจซีเมนต์และบรรจุภัณฑ์มากว่า 112 ปี และรู้ดีว่าการจะยืนอยู่ต่ออีก 20–30 ปีข้างหน้า ต้องเปลี่ยนจากการ ‘ลดผลกระทบ’ สู่การ ‘สร้างคุณค่า’ ผ่านเทคโนโลยีและความร่วมมือ เพื่อให้ Green เท่ากับ Competitive และเติบโตได้จริง” ธรรมศักดิ์ เริ่มเล่าแนวคิด

เอสซีจีมองว่าแนวคิด Inclusive Green Growth ไม่ใช่เพียงการลดคาร์บอน แต่คือการออกแบบอนาคตทางธุรกิจที่สร้างประโยชน์ร่วมกันระหว่างองค์กร พันธมิตร และโลกใบนี้ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI, Robotics และ Deep Tech กำลังกลายเป็นเครื่องมือหลักในการยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และขยายผลสู่ความยั่งยืนในทุกห่วงโซ่อุปทาน

การลดคาร์บอน (Decarbonization Strategy) มีแนวทางอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้

•การใช้ชีวมวลแทนถ่านหิน (Biomass Replacement): เปลี่ยนมาใช้ชีวมวลเป็นพลังงานแทนถ่านหินในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ ช่วยลดต้นทุนและลดคาร์บอนพร้อมกัน

Biomass


•เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technologies): พัฒนา “Gen 3 Low-Carbon Cement” ใช้พลังงานน้อยลง และปล่อยคาร์บอนลดลง
•ใช้ AI & Robotics: ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การพัฒนาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ และลดของเสีย

ตัวอย่างรูปธรรมคือ “Low-Carbon Cement Generation 3” ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์กระบวนการด้วย AI และพลังงานจากชีวมวล แทนถ่านหิน ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างผลกำไรได้จริงในตลาด ตอกย้ำแนวคิด “Green must also be Growth”

เทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI, Robotics และ Deep Tech เป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มขับเคลื่อน ทั้งประสิทธิภาพและความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง

-เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ทำให้สินค้ามีคุณภาพดีขึ้น ต้นทุนลดลง และแข่งขันได้มากขึ้น
-ขยายขนาดการผลิต (Scale): เมื่อทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ใช้เทคโนโลยีร่วมกัน จะช่วยกันผลักดันให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพดี ราคาที่แข่งขันได้ และลดคาร์บอนรวมทั้งระบบ
-ลดการปล่อยคาร์บอน: ใช้ AI ในการวิเคราะห์และออกแบบกระบวนการ เช่น การจัดการชีวมวล (Biomass Collection Route) หรือการพัฒนา Low-Carbon Cement Generation 3
-สร้างความยั่งยืนร่วมกัน: AI ไม่เพียงช่วย SCG แต่ยังเปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์และผู้ผลิตในซัพพลายเชนร่วมใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเดียวกัน เพื่อสร้าง “Impact Chain” ที่เติบโตไปพร้อมกัน

AI ไม่ได้ช่วยแค่เอสซีจี แต่ยังเปิดทางให้ซัพพลายเชนและพาร์ตเนอร์ร่วมเข้ามาใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเดียวกัน เพื่อสร้าง “Impact Chain” ที่เติบโตไปพร้อมกัน โดยเฉพาะในยุคที่มาตรการสิ่งแวดล้อมอย่าง Carbon Tariff และ CBAM ของสหภาพยุโรป กำลังเปลี่ยนเงื่อนไขการแข่งขันของอุตสาหกรรมทั่วโลก

“ธุรกิจจะอยู่แบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป หาก Green ไม่ Competitive เราก็อยู่ไม่ได้” ธรรมศักดิ์ ย้ำ

ธรรมศักดิ์ยังฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่า การเดินสู่ Net Zero ไม่ใช่แค่เป้าหมาย แต่เป็น Journey ระยะยาว ที่ต้องมีระบบคิดและการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าชัดเจน มีการติดตามผลทุก 6 เดือน และมองการลดคาร์บอนเป็น “โครงสร้างธุรกิจของอนาคต” ไม่ใช่โครงการชั่วคราว

“สำหรับเอสซีจี Inclusive Green Growth จึงไม่ใช่เพียงกลยุทธ์สิ่งแวดล้อม แต่คือแนวทางเติบโตที่บูรณาการเทคโนโลยี ความสามารถในการแข่งขัน และความรับผิดชอบต่อโลก เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน และส่งต่อโลกที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นใหม่” ธรรมศักดิ์กล่าวในท้ายที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *