การลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทานของ P&G เพื่อเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2040 การลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทานของ P&G เพื่อเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2040

P&G เปิดแผนสู่ Net Zero ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน

Procter & Gamble วางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดภายในปี 2040

สิงหาคม 25,2025…บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคข้ามชาติจากสหรัฐอเมริกาแห่งนี้วางกลยุทธ์ครอบคลุมทุกอย่าง ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการขนส่งผลิตภัณฑ์ไปยังผู้ค้าปลีก โดยผนวกความยั่งยืนเข้าไปในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ ผู้บริโภค และผู้ผลิต เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

P&G ระบุว่า เป้าหมายด้านความยั่งยืนไม่ใช่สิ่งที่เพิ่มเข้ามา แต่เป็นส่วนสำคัญของวิธีดำเนินงาน บริษัทย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มต้นที่รากฐานของการดำเนินงาน

Virginie Helias Chief Sustainability Officer Procter & Gamble กล่าวถึง ความยั่งยืน และความก้าวหน้าในงาน Net Zero LIVE London 2024 ว่า บริษัทสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนตั้งแต่เริ่มต้น แทนที่จะปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานที่มีอยู่ บริษัททำงานข้ามภาคส่วนเพื่อช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับพลังงานและการขนส่งคาร์บอนต่ำ

ความร่วมมือเหล่านี้หล่อหลอมให้เกิดสิ่งที่บริษัทเรียกว่า “ความร่วมมือเชิงปฏิรูป” มีเป้าหมายให้การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบในวงกว้างเป็นไปได้

P&G ใช้แผนทีละขั้นตอน เพื่อวัดผลการดำเนินงานในแต่ละส่วน และบทบาทของตนในการปล่อยก๊าซ การติดตามอย่างละเอียดนี้ช่วยให้บริษัทระบุจุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงเพื่อลดคาร์บอน

Climate Transition Action Plan ซึ่งเผยแพร่ในปี 2021 กำหนดเจตนารมณ์ครอบคลุมทั้งบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง และวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์
ด้วยการใช้เป้าหมายที่อิงตามวิทยาศาสตร์สำหรับปี 2030 บริษัทจึงสามารถบรรลุเป้าหมายระยะยาวได้

เป้าหมายสำหรับปี 2030 เหล่านี้รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง หรือที่เรียกว่า Scope 1 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากพลังงานที่ใช้ หรือ Scope 2 ลง 65% จากระดับปี 2010

บริษัทยังต้องการให้บรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั้งหมดสามารถรีไซเคิลหรือใช้ซ้ำได้ภายในปี 2030 ลดการใช้พลาสติกที่ผลิตจากปิโตรเลียมลงครึ่งหนึ่งต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ โดยอ้างอิงจากตัวเลขปี 2017

P&G Climate Unlock Program ซึ่งเปิดตัวในปี 2022 สนับสนุนซัพพลายเออร์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โครงการริเริ่มนี้จะติดตามความคืบหน้า ให้ความรู้ และมอบเครื่องมือสำหรับการลดคาร์บอน

โปรแกรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในวงกว้างของ Manufacture 2030 ซึ่งมอบทั้งทรัพยากร และการสนับสนุนการวางแผนให้กับซัพพลายเออร์เ พื่อช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนไปสู่การผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ

“เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยนวัตกรรมที่มอบประสิทธิภาพที่เหนือชั้น และยั่งยืนยิ่งขึ้น” Virginie Helias Chief Sustainability Officer-CSO ของ P&G กล่าว

“เรากำลังทำงานร่วมกันในประเด็นสภาพภูมิอากาศ ขยะ น้ำ และธรรมชาติ ช่วยให้ผู้คนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา และพัฒนาโซลูชันที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมหรือภาคส่วนอื่นๆ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”

P&G ใช้แนวทางที่คล้ายคลึงกันในการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้บริโภค เพื่อให้การใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง Ariel หรือ Tide ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้

การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยลดการปล่อยมลพิษในครัวเรือน ด้วยการลดการใช้พลังงานระหว่างรอบการซักผ้า ซึ่งหมายความว่าไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยมลพิษของตนเองเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้คนลดการปล่อยมลพิษได้เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ของ P&G อีกด้วย นอกจากนี้ P&G ยังสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทั้งอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนาโซลูชันซึ่งคนอื่นๆนำไปปรับใช้ได้ด้วย

Luc Reynaert, Chief Product Supply Officer Procter & Gamble กล่าวว่า หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ Supply 3.0 คือการนำระบบอัตโนมัติ ข้อมูล ความยั่งยืน และบุคลากรมารวมกัน เพื่อตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนคุณค่า และผลกระทบทางธุรกิจในระยะยาว

P&G เริ่มต้นการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศด้วยโรงงานผลิตของตนเอง แต่ขอบเขตได้ขยายออกไปครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ตั้งแต่แหล่งจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงแหล่งส่งมอบสินค้าขั้นสุดท้าย การมุ่งเน้นที่กว้างขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังความยั่งยืนไว้ในการดำเนินงานทั่วโลก

เป้าหมาย Net Zero ในปี 2040 มาพร้อมกับการดำเนินการที่เฉพาะเจาะจงและจุดตรวจสอบโดยละเอียด ซึ่งรวมถึงการทดแทนวัสดุที่ปล่อยคาร์บอนปริมาณสูง การเปลี่ยนไปใช้ระบบหมุนเวียนที่นำกลับมาใช้ใหม่ และรีไซเคิลแทนการกำจัด นอกจากนี้ยังรวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งรายเดิมและรายใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่า ห่วงโซ่อุปทานสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ

P&G กล่าวว่า เรามุ่งเน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญในการดำเนินงาน และห่วงโซ่อุปทานของเรา

ที่มา Sustainability Mag