ตุลาคม 20,2025…ธนาคารกสิกรไทยปรับยุทธศาสตร์ ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมที่สุด โดยผสานโซลูชันทางการเงินและองค์ความรู้สู่ทุกภาคส่วน เร่งเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero ภายในปี 2573 ด้วยเม็ดเงินความยั่งยืนกว่า 4–5 แสนล้านบาท ขับเคลื่อนทั้งความเชื่อมั่น ความยืดหยุ่น และการเติบโตที่ครอบคลุม
จงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากหลากหลายมิติ ตั้งแต่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง ไปจนถึงผลกระทบจากภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นถึง 2.6 องศาเซลเซียสภายในปี 2050 GDP ของประเทศไทยอาจหดตัวถึง 34% ขณะเดียวกัน กฎระเบียบใหม่ ๆ เช่น CBAM ของสหภาพยุโรป และแนวโน้มความตื่นตัวของผู้บริโภคด้าน ESG กำลังผลักให้ธุรกิจต้องเร่งเปลี่ยนผ่านอย่างจริงจัง
ความท้าทายดังกล่าวส่งผลให้ธนาคารปรับยุทธศาสตร์ความยั่งยืนธนาคารกสิกรไทย 2568 ถูกออกแบบบนแนวคิด Issue-based Strategy ที่เน้นการจัดการประเด็นสำคัญแบบองค์รวม เชื่อมโยงทุกมิติทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล กำหนดเป็นความมุ่งหมาย ที่ธนาคารมุ่งเน้นส่งมอบให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย 3 เรื่องหลัก ได้แก่
1.การเป็นธนาคารที่ทุกคนเชื่อมั่น (Be a Most Trusted Bank) มุ่งเป็นธนาคารที่ทุกคนเชื่อมั่น พร้อมเคียงข้างผู้มีส่วนได้เสียในการก้าวผ่านความท้าทายเพื่อสร้างการเติบโตที่อย่างยั่งยืน ผ่านการบริการลูกค้า การกำกับดูแลกิจการ และการยึดมั่นในหลักจริยธรรม
2.การเสริมความยืดหยุ่นพร้อมก้าวสู่อนาคตร่วมกัน (Reinforce Future-Ready Resilience) เสริมความยืดหยุ่นให้องค์กรและผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อพร้อมรับมือกับทุกความไม่แน่นอน และร่วมก้าวสู่โอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ในอนาคต ผ่านการบริหารความเสี่ยง การสร้างนวัตกรรม และการพัฒนาขีดความสามารถ
3.การสร้างการเติบโตที่ครอบคลุมและทั่วถึง (Enable Inclusive Growth) ส่งมอบพลังให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าถึงศักยภาพสูงสุดผ่านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครอบคลุมและทั่วถึง ผ่านการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างทั่วถึง การให้ความรู้และสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพ และการสร้างความเสมอภาคทางการเงิน
ภายใต้ยุทธศาสตร์นี้ได้ส่งเสริมให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถขับเคลื่อนการเติบโตควบคู่กับการผสานมิติความยั่งยืนไปด้วยอย่างกลมกลืนในทุกการทำงาน มองเห็นโอกาสการส่งมอบผลลัพธ์เชิงบวกในหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น
2 ตัวอย่างการทำงานของธนาคารที่ส่งมอบผลกระทบเชิงบวก
1.การส่งเสริมศักยภาพเพื่อสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแกร่ง (Strengthening Capabilities to Enhance Resilience)
ธนาคารกสิกรไทย ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันการเงิน แต่คือ “พาร์ตเนอร์แห่งการเติบโต” ที่มุ่งเสริมสร้างศักยภาพให้ลูกค้า ธุรกิจ และสังคมไทยแข็งแกร่งและยืดหยุ่น พร้อมรับมือความไม่แน่นอนของโลก ผ่านโซลูชันทางการเงินที่ครอบคลุมและองค์ความรู้ที่ช่วยต่อยอดสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ขับเคลื่อนโซลูชันทางการเงินครบวงจร ธนาคารปฏิรูปกระบวนการสินเชื่อด้วย Data & AI เพื่อส่งมอบสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและสอดคล้องกับศักยภาพของลูกค้า โดยทุกสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางขึ้นไปและโครงการ Project Finance ได้รับการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ครบ 100% พร้อมเพิ่มเป้าหมายสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนเป็น 400,000–500,000 ล้านบาทภายในปี 2030

โซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น
KIV: สร้างโอกาสเข้าถึงสินเชื่อให้ลูกค้ารายย่อย
KLeasing: สนับสนุนสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า
KF&E: หนุนภาคอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทางเลือก
KAsset: ผู้นำอันดับ 1 ในกองทุน ESG Fund (มูลค่า 38,900 ล้านบาท) และ SRI Fund (มูลค่า 37,900 ล้านบาท) รวมถึง Beacon Impact Fund ที่ลงทุนในสตาร์ทอัพสร้างผลกระทบเชิงบวก
นอกจากนี้ ธนาคารยกระดับความรู้ทางการเงินและ ESG ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม

-แคมเปญ “สติ” ให้ความรู้ทางการเงินและไซเบอร์ เข้าถึงกว่า 16.4 ล้านคน
-KResearch เผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจและแนวโน้มความยั่งยืน เข้าถึง 6.58 ล้านคน
-K SME Care สนับสนุนผู้ประกอบการกว่า 1.8 ล้านราย
-KWealth ถ่ายทอดองค์ความรู้การลงทุน ESG เข้าถึงกว่า 1.68 ล้านเพจวิว และมียอดชม YouTube กว่า 11 ล้านวิว
-SKILLKAMP พัฒนา Digital Skills สำหรับนิสิต นักศึกษา และผู้ประกอบการ มีหลักสูตรกว่า 355 คอร์ส ผู้เรียนกว่า 8,000 คน
-KATALYST สร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพกว่า 155 ราย เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับธนาคาร
2.การเร่งเครื่องการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืน (Accelerating Climate Transition to Secure a Sustainable Future)
ธนาคารกสิกรไทย ประกาศเจตนารมณ์สู่ Net Zero ตั้งแต่ปี 2564 พร้อมยกระดับบทบาทสู่การเป็น “ผู้ให้บริการโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมที่สุด” โดยก้าวไป “เหนือกว่าการให้การสนับสนุนทางการเงิน” (Moving Beyond Finance) เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ลูกค้าและภาคธุรกิจไทย บนเส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ใน Scope1 และ 2 ได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของธนาคาร มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero จากการดำเนินงานภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) และสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
-ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 17.02% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563 (ค.ศ.2020)
-ติดตั้ง โซลาร์รูฟครบทุกอาคารหลัก และสาขาอีก 161 แห่งใช้ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) แล้วกว่า 354 คัน
-ได้รับการรับรองเป็น องค์กรคาร์บอนเป็นกลางต่อเนื่อง 8 ปี (2561–2568)

ธนาคารขับเคลื่อนพอร์ตโฟลิโอสู่ Net Zero ตามเป้าหมาย NDC ของประเทศ โดยจัดทำ Sector Decarbonization Strategy เพื่อบริหารและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอนสูงอย่างใกล้ชิด ครอบคลุม 6 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่
กลุ่มโรงไฟฟ้า
กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต้นน้ำ
กลุ่มเหมืองถ่านหิน (เชื้อเพลิงให้ความร้อน)
กลุ่มซีเมนต์
กลุ่มอลูมิเนียม
กลุ่มยานยนต์
ส่งผลให้ พอร์ตโฟลิโอกลุ่ม โรงไฟฟ้า มีระดับความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Intensity per GWh) ลดลง 26% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563
พร้อมกันนี้ สนับสนุนลูกค้าให้เปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ธนาคารกสิกรไทยสนับสนุนทั้ง การเงิน ความรู้ และเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน
-ยอดสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนสะสมกว่า 173,231 ล้านบาท (ณ ส.ค. 2568)
-ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 2.74 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
-ครอบคลุมโครงการสำคัญ เช่น
สินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า กว่า 39,000 คัน
สินเชื่ออาคารสีเขียว กว่า 1 ล้านตารางเมตร
โครงการธุรกิจเพื่อความยั่งยืน กว่า 500 โครงการ

ธนาคารได้สร้างแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเพื่อสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรมพัฒนาเครื่องมือ KClimate1.5 สำหรับจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกและบริหารจัดการข้อมูลด้านคาร์บอน เพื่อช่วยธุรกิจประเมินและวางแผนลดการปล่อยอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมจัดตั้ง Creative Climate Research Center เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และความร่วมมือเพื่อรับมือกับโลกร้อนในทุกมิติ อีกทั้งยังต่อยอดโครงการสร้างสรรค์ เช่น
Watt’s Up แพลตฟอร์มเชื่อมต่อผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
Green Pass ระบบขอรับรองใบ RECs สำหรับพลังงานหมุนเวียน
K-GreenSpace แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงโซลูชัน Green Living ได้ง่ายขึ้น
อีกทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงร่วมกับพันธมิตรภาครัฐ เอกชน ภาคการเงิน และภาควิชาการ จัดตั้ง เครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทย (Thailand Climate Business Network: Thai CBN) ซึ่งมีสมาชิกกว่า 34 องค์กร ร่วมผลักดันแนวปฏิบัติ Climate ที่นำไปใช้ได้จริง ตั้งแต่ระดับ SMEs จนถึงนโยบายระดับประเทศ โดย Thai CBN ได้จัดทำ E-Handbook for Greener SMEs และ White Paper: Climate Ecosystem Collaboration เพื่อเสนอแนวทางให้ภาครัฐ นับเป็นจุดเริ่มต้นของ “พลังร่วมเพื่อการเปลี่ยนผ่าน” ที่เชื่อมภาคธุรกิจและภาครัฐเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างอนาคตคาร์บอนต่ำของประเทศไทยอย่างยั่งยืน

“ธนาคารกสิกรไทยดำเนินธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง มีการบูรณาการยุทธศาสตร์ความยั่งยืนแบบองค์รวม สร้างผลกระทบเชิงบวกและวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม และเน้นย้ำว่าในทุกพันธกิจที่ธนาคารขับเคลื่อนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เชื่อมโยงกันในระบบนิเวศ สร้างรากฐานที่ยืดหยุ่น แข็งแกร่ง และมีคุณภาพให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล เพื่อให้ทุกชีวิตและทุกธุรกิจเดินหน้าผ่านพ้นทุกความท้าทายไปด้วยกัน เติบโตต่อไปได้อีกอย่างมั่นคงและยั่งยืน” จงรักกล่าวในท้ายที่สุด