กรกฎาคม 30, 2025

สร้างคนพันธุ์ใหม่เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน

GCNT x มธ. พัฒนาหลักสูตรต้นแบบด้านความยั่งยืน

กรกฎาคม 30,2025…เป็นส่วนหนึ่งที่เร่งเดินหน้า SDGs 2030 ด้วยพลังภาคธุรกิจ คนรุ่นใหม่ และความร่วมมือข้ามภาคส่วน เคลื่อนแนวคิด Forward SDGs Faster ผ่านกรอบ 7 Ts @ GCNT Expo 2025

MoU ระหว่าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ GCNT ในการจัดตั้งหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเพื่อความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นร่วมกันในการขับเคลื่อนการศึกษา การวิจัย และการเรียนรู้ด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ผสานองค์ความรู้และทักษะจริง เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือกับมธ.ด้วยประเด็นน่าสนใจคือ

ประเทศไทยจุดติดด้านความยั่งยืนแล้วหรือยัง?

แม้ทั่วโลกจะบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนไปเพียง 18% แต่ประเทศไทยถือว่าทำได้ดีสุดในอาเซียน และกลายเป็นต้นแบบของภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังมีมาก ที่เพิ่มขึ้นมาจาก SDGs โดยเฉพาะเป้าหมายระยะยาวอย่าง Carbon Neutrality และ Net Zero ซึ่งต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบ Exponential ผ่านเทคโนโลยี พลังงานสะอาด AI และ Automation

“เราอาจไม่ทันปี 2030… แต่ไม่เกินปี 30 ปี ถ้าไม่หมดหวังและยังผลักดัน เราจะไปถึงเป้าหมาย”

ความร่วมมือกับธรรมศาสตร์ ปั้นหลักสูตรเพื่อความยั่งยืนที่แท้จริง

ศุภชัยชี้ว่า ภาคเอกชนไม่สามารถสร้างหลักสูตรด้านความยั่งยืนที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจได้ลำพัง จึงร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ Global Compact Network Thailand พัฒนาหลักสูตรต้นแบบ ที่ผสานความรู้จากภาควิชาการและทักษะจริงจากภาคธุรกิจ

“อาจเป็นประเทศแรกในโลกที่สร้างหลักสูตรนี้ เพื่อผลิตคนที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”

คนจบจากหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเพื่อความยั่งยืน จะมีคุณลักษณะแบบใด?

ผู้เรียนจะไม่เพียงมีองค์ความรู้ แต่ต้อง “ทำงานเป็น” โดยฝึกทักษะจริงกับองค์กร สัมผัสปัญหาในโลกจริง และเข้าใจเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อ ซึ่งจะเป็นทักษะที่ทุกองค์กรต้องการในอนาคต

“ไม่ใช่แค่รู้ แต่ต้องลงมือ และใช้นวัตกรรมเป็น เพื่อเปลี่ยนอุตสาหกรรมและโลกให้ยั่งยืนภายใน 30 ปี”

เศรษฐกิจไทยชะลอ งานด้านความยั่งยืนชะงักด้วยหรือไม่?

แม้เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตหลายด้าน เช่น ความมั่นคงชายแดนและการส่งออก แต่ศุภชัยชี้ว่า “กลไกตลาดของความยั่งยืนได้จุดติดแล้ว” ตัวอย่างคือ พลังงานทดแทนที่ “คุ้มทุนและถูกกว่าพลังงานฟอสซิล” รวมถึงวัสดุหมุนเวียนที่กำลังได้รับความนิยม

“แม้บางภาคส่วนจะชะลอ แต่ระบบเศรษฐกิจโดยรวมยังต้องเดินหน้า เพราะความยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือทางรอด”

พร้อมกันนี้ศุภชัยกล่าวถึงได้ข้อเสนอ 7 Transformations เปลี่ยนผ่านประเทศไทยเพื่อตอกย้ำปัจจัยหลักที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมต่อไป ได้แก่

Table อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรกรรมแห่งอนาคต สร้างความมั่นคงทางอาหารให้ประชากรโลก
1. Tourism การขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
  1. Tech เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ใช้นวัตกรรมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    1. Trade การค้า การบริการ การขนส่ง การเงิน ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง เป็นธรรมและทั่วถึง
      1. Talent การลงทุนในทุนมนุษย์ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเยาวชน ให้มีทักษะดิจิทัล และมีจิตสำนึกด้านความยั่งยืน
        Transition การเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม สู่เศรษฐกิจสีเขียว ที่พึ่งพาพลังงานสะอาด คาร์บอนต่ำ
        Trust การสร้างความเชื่อมั่นและธรรมาภิบาล-เสริมสร้างความไว้วางใจในระบบเศรษฐกิจและสังคม

เน้นย้ำประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับ 7Ts โดยเฉพาะ Trust การสร้างความไว้ใจ (Trust) และธรรมาภิบาลในภาคเอกชน ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลด้าน SDGs อย่างเป็นระบบ ผ่านการจัดทำรายงานด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่จะช่วยกระตุ้นให้ภาคเอกชนร่วมกับขับเคลื่อนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการส่งเสริม Digital ID เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่สังคมแบบไร้เงินสด (Cashless Society) และการใช้เทคโนโลยี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Talent หรือ การลงทุนในคน โดยเฉพาะเยาวชนและกลุ่มเปราะบาง เพราะการพัฒนาคนต้องใช้เวลา แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด โดยเสนอให้ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เช่น การจัดตั้ง Learning Center ที่นำ SDGs มาผนวกเข้ากับการเรียนรู้ผ่านแนวคิด SDGs Glow ทั้ง 17 ข้อ เพื่อปลูกพลัง Soft Power ให้คนรุ่นใหม่และสังคมไทย” ศุภชัยกล่าวในท้ายที่สุด