EU Nature-Based Solutions – ทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน | SD Perspectives EU Nature-Based Solutions – ทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน | SD Perspectives

EU หนุนผลิตสินค้า Nature-based แข่งสู้สหรัฐ-จีน

เศรษฐกิจชีวภาพไม่ใช่เรื่องของนิยายวิทยาศาสตร์

ธันวาคม 8,2025…คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เปิดตัวกลยุทธ์เศรษฐกิจชีวภาพใหม่ ส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เพื่อสร้างเศรษฐกิจปลอดฟอสซิลภายในปี 2040

Jessika Roswall ในฐานะ EU Commissioner for Environment กล่าวในงานเปิดตัวกลยุทธ์เศรษฐกิจชีวภาพว่า ไม่ใช่สมมติฐาน มันคือโอกาส เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน โดยมีคู่แข่งสำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา และจีน

Roswall กล่าวต่อไปว่า กลยุทธ์มุ่งลดอุปสรรคในตลาดเดียวของ EU ปรับปรุงกระบวนการอนุมัติผลิตภัณฑ์ใหม่ และเพิ่มการใช้ชีวมวลรอง เช่น เศษไม้จากป่า ของเสียจากอาหาร ลดการพึ่งพาชีวมวลหลัก พร้อมลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพ เช่น ชีวพลาสติกจากแป้ง หรือสาหร่าย เพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติก และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

Aline Maigret หัวหน้าฝ่ายนโยบายขององค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมจาก Zero Waste Europe ชื่นชมเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน แต่ชี้ว่าการบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจชีวภาพแบบหมุนเวียนต้องอาศัยการออกแบบอย่างรอบคอบภายในขอบเขตของโลก ยกตัวอย่างเช่น การส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ชีวภาพโดยไม่จัดการกับแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำป่าไม้และเกษตรกรรมแบบเข้มข้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

Fern องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำงานเกี่ยวกับนโยบายป่าไม้ แสดงความกังวลในทำนองเดียวกัน โดยแถลงว่ากลยุทธ์ของคณะกรรมาธิการควรมีแนวทางปกป้องธรรมชาติชัดเจน มากกว่าการแสวงหาประโยชน์ และชี้ว่าชีวมวลโลกส่วนใหญ่ไม่ได้เติบโตในยุโรป​

“อุปทานไม้มีจำกัดและถูกคุกคามจากการจัดการป่าไม้ที่ไม่ดี รวมถึงวิกฤตการณ์ด้านสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ”

การประกาศแผนดังกล่าว Roswall กรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า เศรษฐกิจชีวภาพไม่ใช่เรื่องของนิยายวิทยาศาสตร์ เนื่องจากEU 27 ประเทศกำลังมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อช่วยให้กลุ่มประเทศดังกล่าวลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปพร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

“ความแปลกใหม่ที่สำคัญประการหนึ่งในกลยุทธ์การทำให้เศรษฐกิจชีวภาพเป็นกระแสหลักก็คือความจริงที่ว่า เรากำลังมองหาข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มการใช้ทรัพยากร และวิธีการเพิ่มการใช้ชีวมวลรอง เช่น เศษไม้จากป่า ผลิตภัณฑ์รอง และขยะอาหาร เพื่อลดความต้องการชีวมวลหลัก”

แม้ยังไม่มีการนำเสนอตัวเลข แต่คณะกรรมาธิการงบประมาณ 8 ปีถัดไป มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มเงินทุนสำหรับเศรษฐกิจชีวภาพ

“เราจะจัดตั้งเวทียุโรปสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลและนักนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดและการอนุมัติอย่างรวดเร็ว เราจะให้การสนับสนุนทางเทคนิคแก่ SMEs เพื่อช่วยให้พวกเขาก้าวกระโดดจากนวัตกรรมสู่การเติบโต”

คณะกรรมาธิการคาดหวังว่าจะเร่งความคืบหน้าในการดำเนินการให้เร็วขึ้น ลบอุปสรรคที่มีอยู่ในตลาดเดียวของกลุ่ม และขยายขนาดการลงทุน

การแข่งขันระหว่างประเทศจากสหรัฐอเมริกาและจีนยังถูกมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการปรับใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่นวัตกรรมจะเปลี่ยนไปสู่ตลาดนอกEU

เศรษฐกิจชีวภาพยังสามารถเปลี่ยนแปลงภาคการก่อสร้างได้ ซึ่งผู้บริหารของEUรายงานว่ามีส่วนรับผิดชอบต่อการก่อให้เกิดขยะของEUมากกว่า 35% และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของประเทศ 5-12%

ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างชีวภาพประกอบด้วยไม้และวัสดุหมุนเวียนอื่นๆ เช่น ป่าน ฟาง เส้นใยเชื้อรา และวัสดุผสมจากเส้นใย กลยุทธ์ของคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่าการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจช่วยลดปริมาณคาร์บอนที่สะสมและความต้องการพลังงานในอาคารได้ประมาณ 40%

กลยุทธ์ดังกล่าวยังคาดการณ์ว่า โรงกลั่นชีวภาพที่แปลงชีวมวล เช่น เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและขยะชีวภาพ ยังสามารถผลิตทางเลือกอื่นสำหรับวัตถุดิบสำคัญ เช่น ขั้วบวกแบตเตอรี่ชีวภาพได้ แม้ว่าจะระบุว่าโรงงานเหล่านี้มักต้องใช้ “การลงทุนด้านทุนจำนวนมาก” และ “การวางแผนร่วมกันสำหรับวัตถุดิบและโครงสร้างพื้นฐาน” แม้มีผลตอบแทนเชิงบวกก็ตาม

“การอยู่ร่วมกันในอุตสาหกรรมที่ดีขึ้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้วัตถุดิบทุกภาคส่วน เพิ่มเสถียรภาพให้กับอุปทานปัจจัยการผลิต ลดของเสียและต้นทุนการผลิต สนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรม”

ปัจจุบัน มี 11 ประเทศใน EU นำแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพมาใช้ในระดับชาติ คณะกรรมาธิการฯ ระบุว่าออสเตรีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน และประเทศสมาชิกอย่างน้อย 8 ประเทศ กำลังมียุทธศาสตร์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

ชีวมวลเป็นวัสดุอินทรีย์จากพืชและสัตว์ เป็นพื้นฐานของผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ปี 2023 ชีวมวลในยุโรปถูกใช้เป็นอาหารสัตว์ (38%) พลังงาน (29%) วัตถุดิบ (24%) และอาหาร (9%) เป็นหลัก ตามข้อมูลของคณะกรรมาธิการ ช่วงสิบปีที่ผ่านมา การใช้ชีวมวลเพื่อผลิตพลังงานเพิ่มขึ้น 14% ขณะที่การใช้วัสดุเพิ่มขึ้น 11%

EU ทั้ง 27 ประเทศกำหนดจะแก้ไขกฎหมายพลังงานหมุนเวียนของกลุ่มในปี 2027 โดยคณะกรรมาธิการจะประเมินว่าโครงการสนับสนุนชีวมวลระดับชาติส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ สภาพภูมิอากาศ ความผิดเพี้ยนของตลาดที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนความพร้อมของวัตถุดิบที่ยั่งยืนอย่างไร

Jean-Marc Jossart เลขาธิการสมาคมการค้า Bioenergy Europe ในกรุงบรัสเซลส์ แสดงความยินดีกับการยอมรับพลังงานชีวมวลว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “ระบบที่บูรณาการและมีประสิทธิภาพ”

“ระบบการเกษตรและป่าไม้ของยุโรปมีความแตกต่างกันอย่างมากและต้องมีกรอบการทำงานที่ยืดหยุ่นซึ่งจะช่วยให้ประเทศสมาชิกและภูมิภาคต่างๆ เพิ่มความยั่งยืนและประสิทธิภาพสูงสุด”

กลุ่มสิ่งแวดล้อมแสดงความระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ที่อาจก่อให้เกิดมลภาวะในชั้นบรรยากาศมากเกินไป

อีวา บิลล์ หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจหมุนเวียนขององค์กรพัฒนาเอกชน European Environment Bureau รู้สึกเสียใจที่คณะกรรมาธิการไม่ยอมรับความพยายามในการลดแรงกดดันต่อระบบนิเวศ

“คณะกรรมาธิการยึดติดกับภาพลวงตาที่ว่า เราสามารถทดแทนการบริโภคปัจจุบันด้วยปัจจัยการผลิตทางชีวภาพได้ โดยมองข้ามอันตรายร้ายแรงและฉับพลันที่สิ่งนี้จะก่อให้เกิดกับผู้คนและธรรมชาติ”

บิลล์เสริมว่าฝ่ายบริหารของ EU ไม่สนใจความจริงที่ว่าภาคการเลี้ยงสัตว์ของ EU พึ่งพาการนำเข้าอาหารสัตว์มากกว่า 70% เพื่อรักษาระดับการผลิตส่วนเกินในปัจจุบัน

ที่มา euro news

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *