NEXT GEN

Decarbonization คือ 1 ในโอกาสขยายธุรกิจใหม่ ๆ ของ GC สานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus

20 มิถุนายน 2567…ณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และทศพร บุณยพิพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ (President) สองผู้บริหารของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ร่วมกันกล่าวถึงวิสัยทัศน์ GC ในการดำเนินธุรกิจนับจากนี้เป็นต้นไป

แม้ว่าปัจจุบัน GC ไม่ได้เป็นธุรกิจในประเทศหรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น หากเป็นธุรกิจในระดับสากลผ่านกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ นับตั้งแต่ NatureWorks และอีกมากมายจนกระทั่ง allnex แต่ GC ยังคงให้ความสำคัญปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนการผลิตและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยง Value Chain ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด รวมถึงสามารถรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีมูลค่าสูงที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี นับเป็นการบริหารการลงทุนอย่างครบวงจรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

“เรามอง ธุรกิจใหม่ ๆ จะมาจากเรื่อง Decarbonization ซึ่ง Decarbonization ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นหน้าที่ รวมถึงโอกาส เช่นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจาก NatureWorks ผู้ผลิตไบโอพลาสติกประเภทโพลิแลกติกแอซิด (PLA) ชั้นนำของโลก ใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพชนิดย่อยสลายได้ สามารถนำไปใช้ในหลากหลายแอปพลิเคชัน เช่น แคปซูลกาแฟ ถุงชา และ วัสดุสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) ด้วยคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืน โดย GC ถือหุ้น 50% ร่วมกับ Cargill อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิต PLA ครบวงจรแห่งใหม่ ที่นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (Nakhonsawan Bio Complex – NBC) มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2568 ซึ่งจะเป็น Bio Complex แห่งแรกของประเทศไทย โดยใช้น้ำตาลจากอ้อยเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อผลิต Lactic Acid ซึ่งนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต PLA มีกำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปี ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้าน Bio และ Green ของประเทศ สร้างโอกาสแก่ภาคเกษตรกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจไปอีกขั้น จะทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกเพื่อตอบสนอง Sustainable Material สู่ตลาดโลก”

ณะรงค์ศักดิ์ยกตัวอย่างต่อเนื่องการขยายตลาดและสร้างสรรค์เคมีภัณฑ์ผ่าน allnex ที่มีโรงงานและฐานธุรกิจสารเคลือบผิว (Coating Resins) อยู่ 34 แห่งทั่วโลก สำหรับการพัฒนาฐานการผลิต (Hub) ของ allnex ในทวีปต่างๆ นั้น allnex ประสบความสำเร็จในการพัฒนา China Hub จึงได้นำมาต่อยอดขยายฐานผลิตในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพการเติบโต ได้แก่ โรงงาน Mahad 
รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย และแห่งใหม่ในอนาคต โรงงานมาบตาพุด ประเทศไทย เพื่อเป็น Hub ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ในตลาดเคลือบผิวในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ บรรจุภัณฑ์ โลหะอุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งเคลือบผิวอาคารแบบพิเศษ (Special Decoration)

เป้าหมายทางธุรกิจดังกล่าวข้างต้น ช่วยให้เกิดโอกาสทางการเงินอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น Sustainability Link Loan (SLL) ซึ่ง GC เพิ่งเซ็นสัญญาขอ NatureWorks กับธนาคารกรุงไทย หรือก่อนหน้านี้ก็เป็นกับธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สําหรับธนาคารไทยให้ความสนใจอย่างยิ่ง เปิดโอกาสให้ GC นําโครงการธุรกิจ Bioและ Green ใช้บริการทางการเงินดังกล่าว รวมถึง Sustainability Link Bond (SLB) หรือบอนด์สำหรับหุ้นกู้ แล้วแต่ว่าตลาดใดจะเอื้ออำนวย อัตราดอกเบี้ยคูปอง มีความสนใจลงทุน หรือมีความต้องการสนใจนักลงทุนหรือธนาคาร

ระหว่างนี้การลงทุนไม่ได้มากนัก เพราะมีการควบคุมค่าใช้จ่าย จึงเป็นช่วงเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ มีเงินฝากมีการซื้อพวก Derivatives ป้องกันความเสี่ยง สิ่งนี้ลิงก์กับ ESG ได้  GCก็ทํากับทางกรุงไทยไปด้วยแล้วก็จะทําเพิ่มเติมแต่อีกหลากหลายธนาคาร

“Product นวัตกรรมใหม่ ๆ ทางด้านการเงินจะมาเรื่อย ๆ ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของการกู้เงิน สําหรับ allnex ใช้พลังงาน แต่ประกันลดการสูญเสียได้กว่าครึ่งหนึ่งของธุรกิจปัจจุบัน ตรงนี้สามารถทําเป็น ESG Link ได้เลย”

พร้อมเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Target) ภายในปี 2593 แนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การทำงานร่วมกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Capture and Storage (CCS) ทั้งในการศึกษาเรื่อง Carbon Capture Technology ผ่านการลงทุนใน Corporate Venture Capital (CVC) และการศึกษาโอกาสในการนำไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ (Blue/Green Hydrogen) ไปใช้และพัฒนาโมเดลธุรกิจเพื่อต่อยอดเป็นธุรกิจแห่งอนาคต

ณะรงค์ศักดิ์กล่าวในท้ายที่สุดว่า วันนี้ GC ได้เห็นแนวโน้มความสนใจการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ทันสมัยเกิดขึ้นมากมายในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ อัตราการใช้เคมีภัณฑ์ต่อประชากรยังมีโอกาสเติบโตอีกมากเมื่อเทียบกับทวีปอื่น ๆ ซึ่ง GC มีศักยภาพและความพร้อมตอบสนองความต้องการและสามารถร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมได้หลากหลาย จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของ GC

 

You Might Also Like