NEXT GEN

แนวโน้มกำหนดอนาคตของการเงินยั่งยืนปี 2024

27-28 มกราคม 2567…การบันทึกอุณหภูมิไม่เป็นไปตามเป้าเดือนแล้วเดือนเล่าในปี 2023 ผลักดันรัฐบาลทั่วโลกให้คำมั่นสัญญาว่า จะลงแรงแข็งขันเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็น 3 เท่า และลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติปีนี้

แม้มีคำมั่นสัญญาเหล่านี้ ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สำคัญต่อการจัดหาเงินทุนสำหรับการเปลี่ยนแปลงคาร์บอนต่ำ ยังคงยืนหยัดเคียงข้างผู้กู้ยืมและผู้ลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบดั้งเดิมในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เผยถึงความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างรัฐบาล องค์กรภาคประชาสังคม และนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศด้านหนึ่ง และอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซและพันธมิตรในภาคการเงินอีกด้านหนึ่ง

หลายปีก่อน อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ จัดหาเงินทุนสนับสนุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ตอนนี้ ความรู้สึกนั้นหายไปแล้ว เพราะอุตสาหกรรมสำรวจโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่และขนาดใหญ่ยังคงมีอยู่ ขณะเดียวกันก็สัญญาว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการ ( แม้ไม่ใช่การปล่อยก๊าซขั้นสุดท้าย) โดยอาศัยเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ

ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมการเงินกระแสหลักได้กลายเป็นผู้สนับสนุนอย่างเงียบๆ เดินหน้าเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการลงทุนและค่าธรรมเนียมจากการเข้าสู่ระบบของเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง

ต่อไปนี้คือ การทบทวนว่าอุตสาหกรรมการธนาคารและการลงทุนฝ่าฟันอุปสรรคทั่วโลกในปีที่แล้วได้อย่างไร และคาดการณ์ว่าแนวโน้มเหล่านั้นจะกำหนดทิศทางในปี 2024 อย่างไร

ธันวาคม 2023 ตัวแทนธนาคาร ผู้จัดการสินทรัพย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ขาดหายไปจากการประชุมแก้ไขปัญหาโลกเดือด ให้สัญญาว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็น 3 เท่า ทำให้บรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชื่นชมข้อตกลงดังกล่าว แม้ยังไม่เพียงพอต่อการยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลตามที่คาดหวังก็ตาม

ไม่กี่วันหลังจากทำข้อตกลงนี้ BloombergNEF รายงานว่า ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของโลกในการจัดหาเงินทุนสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานยังไม่ตอบสนองต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด

อัตราส่วนการธนาคารด้านการจัดหาพลังงาน (ESBR) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการจัดหาเงินทุนสำหรับพลังงานทดแทนที่เกี่ยวข้องกับถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ อยู่ที่ 0.73 ต่อ 1 ณ สิ้นปี 2565 น้อยกว่าอัตราส่วน 0.75 ต่อ 1 ในปี 2564 เล็กน้อย

ผลการดำเนินงานของธนาคารในมาตรการนี้ห่างไกลจากอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ที่ BloombergNEF คาดการณ์ว่าจำเป็นภายในปี 2030 เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะโลกร้อนมากกว่า 1.5°C

ระดับภูมิภาค ธนาคารในแคนาดา สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโกมีอัตราส่วน ESBR อยู่ที่ 0.5 ต่อ 1

ขณะที่ธนาคารในยุโรปมีอัตราส่วนที่ดีกว่ามากอยู่ที่ 2.8 ต่อ 1

อุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแย่ลง จากการวิเคราะห์กองทุนหุ้น 13,000 กองทุนโดย InfluenceMap เปอร์เซ็นต์ของผู้จัดการที่ปฏิบัติงานด้านการดูแลสภาพอากาศอย่างมีประสิทธิผล ปี 2021 ลดลงจาก 33% เหลือเพียง 18% ในปี 2022

แม้แต่กองทุนที่ติดฉลาก ESG (ซึ่งคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ในยุโรปกลับเพิ่มการลงทุนเรื่องน้ำมันและก๊าซ Bloomberg รายงานว่ากองทุน Article 8 ซึ่งเป็นกองทุนที่ส่งเสริมเป้าหมาย ESG โดยทั่วไปตามที่กำหนดโดยระเบียบการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่ยั่งยืนของสหภาพยุโรป ถือหุ้นประมาณ 2.3% ในสินทรัพย์เชื้อเพลิงฟอสซิลในไตรมาสที่สามของปี 2023 เพิ่มขึ้นจาก 1.4% ในต้นปี 2021

เมื่อพูดถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของอุตสาหกรรมการเงิน การศึกษาหลายชิ้นในปี 2023 พบว่าผู้จัดการเงินบำนาญกำลังมองข้ามความเสี่ยงด้านสภาพอากาศที่อาจเกิดภัยพิบัติในพอร์ตการลงทุนของตน ส่งผลให้การจ่ายเงินบำนาญในอนาคตมีความเสี่ยงสูง

ในสหรัฐอเมริกา การโจมตี ESG เพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง การโจมตี ESG ของพรรครีพับลิกันก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้สมัคร (และอดีตเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ) นิกกี้ เฮลีย์ ได้รับการสนับสนุนกฎหมายในรัฐที่ควบคุมโดยพรรครีพับลิกันหลายแห่งได้สร้างอุปสรรคให้กับผู้จัดการการลงทุน ESG แม้ว่าร่างกฎหมายต่อต้าน ESG จำนวนมากจะไม่ผ่าน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียการลงทุนบำนาญที่อาจเกิดขึ้น

ในแง่บวก สหภาพยุโรปได้ออกคำสั่ง Corporate Sustainability Reporting Directive (CSRD) ซึ่งบริการจัดอันดับ Sustainalytics ESG อธิบายว่าเป็น “ช่วงเวลาต้นน้ำ” สำหรับความยั่งยืนขององค์กร CSRD มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นกรอบการทำงานที่ครอบคลุม โดยส่งผลกระทบต่อบริษัท 50,000 แห่งในสหภาพยุโรป รวมถึงบริษัทนอกสหภาพยุโรป 10,000 แห่งที่มีการดำเนินงานในยุโรป คิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทในยุโรป

CSRD กำหนดให้บริษัทต่างๆ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบ ESG ในด้านต่างๆ จากมุมมองความเสี่ยงขององค์กร รวมถึงจากมุมมอง “ที่มีสาระสำคัญสองเท่า” ของผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริงต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปล่อยก๊าซขอบเขต 3 จากบริษัทต่างๆ เมื่อลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ของตน

CSRD ยังระบุด้วย รัฐบาลแต่ละชาติในยุโรปมีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารและบังคับใช้กฎหมาย การดำเนินการที่เข้าตาผู้ติดตามคือ ฝรั่งเศสได้ปรับเงินจำนวน 75,000 ยูโร หากไม่ปฏิบัติตาม CSRD และขู่เพิ่มเติมว่าจะมีโทษจำคุกห้าปี

ในสหรัฐอเมริกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) กำลังต่อสู้กับข้อเสนอให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูล CO2 รวมถึงการปล่อยก๊าซขอบเขตที่ 3 โดยบริษัทขนาดใหญ่ หลังจากความล่าช้าส่วนหนึ่งเกิดจากการข่มขู่ต่อศาลจากรัฐที่นำโดยพรรครีพับลิกัน

ความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญ คือ รัฐแคลิฟอร์เนียนำเสนอกฎการเปิดเผยสภาพภูมิอากาศ (รวมถึงขอบเขต 3) กับบริษัทที่ดำเนินงานในรัฐ กฎหมายแคลิฟอร์เนียจะช่วยสร้างมาตรฐานระดับชาติในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากบริษัทระดับชาติขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ดำเนินกิจการในแคลิฟอร์เนีย กฎใหม่นี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง เช่น Apple, Ikea, Google, Microsoft, Patagonia และ Salesforce

หุ้นพลังงานสีเขียวขาขึ้น

ปี 2023 ราคาหุ้นพลังงานสีเขียวส่วนใหญ่ตกต่ำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนทางการเงินของโครงการลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังน้ำ แบตเตอรี่ และพลังงานความร้อนใต้พิภพเพิ่มขึ้น ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมกำลังต่อสู้กับปัญหาห่วงโซ่อุปทานเหมือนกันหมด

มีความกังวลเพิ่มเติมด้วยว่า การแก้ไขปัญหาภาวะโลกเดือดอาจล่าช้ากว่าเดิม เนื่องจากการยกเลิกโครงการพลังงานสะอาดที่สำคัญ เช่น การยกเลิกโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ สองโครงการโดยบริษัทพลังงานหมุนเวียนของเดนมาร์ก Ørsted

อย่างไรก็ตาม ข้อได้เปรียบพื้นฐานของพลังงานทดแทนราคาถูกได้ผลักดันอุตสาหกรรมให้บันทึกระดับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า ในปี 2023 จะได้เห็นพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 440 กิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของเยอรมนีและสเปนรวมกัน

จากการที่ธนาคารกลางส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจบลง ราคาหุ้นของบริษัทพลังงานหมุนเวียนจึงฟื้นตัวขึ้นบางส่วนเนื่องจากแนวโน้มของภาคส่วนนี้ดูดีขึ้นในปี 2024

S&P Global Clean Energy Index สิ้นสุดไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 เพิ่มขึ้น 7.3% แม้โดยรวมสิ้นปีลดลง 20.1% ในทางตรงกันข้าม ดัชนีน้ำมันทั่วโลกของ S&P (วัดผลการดำเนินงานของบริษัทน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ 120 แห่ง) ลดลง 2.4% ในไตรมาสสุดท้าย ตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้น 4.9%

โดยสรุป ปี 2024 การพัฒนาโอกาสการใช้พลังงานสะอาดควรช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งต้องเอาชนะอุปสรรคสำคัญ คือ ความเฉื่อยของอุตสาหกรรมการเงิน และความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา

ที่มา

 

You Might Also Like