NEXT GEN

8 เแนวโน้ม ESG ที่น่าจับตามองในปี 2023

20 ธันวาคม 2565…ขณะที่บรรดานักลงทุนให้ความสําคัญกับปัจจัยสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในการตัดสินใจมากขึ้น บริษัทต่างๆ จึงถูกกดดันให้ปรับปรุงผลการดําเนินงานด้าน ESG ของตัวเองด้วย

แม้จะมีความไม่แน่นอนของ Brexit แต่ธุรกิจในสหราชอาณาจักรก็อยู่แถวหน้าด้านการรายงานความยั่งยืนขององค์กร สหราชอาณาจักรเป็นแกนของการเปิดเผยข้อมูลภาคบังคับแห่งแรกของโลกสําหรับบริษัทที่เน้นรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ขณะก้าวเข้าสู่ปี 2023 เราคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในการรายงานเนื่องจากบริษัทต่าง ๆ มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แล้วอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต? นี่คือแนวโน้มการรายงาน ESG อันดับต้น ๆ ที่ใส่ใจ

1. ผู้จัดการสินทรัพย์ประสานปัจจัย ESG
เข้ากับผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การลงทุนของตนมากขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันด้านกฎระเบียบและความต้องการ นักลงทุนสนใจการลงทุนอย่างยั่งยืนมากขึ้น และกําลังกดดันผู้จัดการสินทรัพย์ให้นําเสนอผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับค่านิยม ESG ของพวกเขา โดยมุ่งไปที่คนรุ่นมิลเลนเนียลซึ่งปัจจุบันเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาดแรงงาน

หน่วยงานกํากับดูแลได้เริ่มดําเนินการ โดยเสนอกฎระเบียบที่กําหนดให้บริษัทต่าง ๆ เปิดเผยว่าพวกเขาพิจารณาปัจจัย ESG อย่างไรในการตัดสินใจลงทุน ผลการวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ของสหราชอาณาจักรกําลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและการปฏิบัติอย่างแท้จริง โดย ESG กลายเป็นส่วนสําคัญของการตัดสินใจลงทุน

2. รัฐบาลพูดจริง ทำจริง
ส่งเสริมโครงการด้าน ESG

รัฐบาลอังกฤษกําลังทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยให้ความสําคัญเป็นลำดับแรก ๆ กับงบประมาณฉบับใหม่ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ และทําให้ธุรกิจเข้าถึงการสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม(Green Project) ได้ง่ายขึ้น

การตอบสนองต่อการปฏิรูป Green Tax เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลมีเป้าหมายส่งเสริมให้ธุรกิจลงทุนในเทคโนโลยีและแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยการลดหย่อนภาษี ซึ่งรวมถึงการแนะนําสิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่และการใช้กองทุนบําเหน็จบํานาญเพื่อเป็นเงินทุนสําหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยหวังว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

3. ภาคการเงินจะยังคงตระหนัก
ความสําคัญของการลงทุนด้าน ESG

ทศวรรษที่ผ่านมาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในวิธีที่ภาคการเงินเข้าใกล้การลงทุน ในอดีตสถาบันการเงินมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลกําไรระยะสั้นให้กับลูกค้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการรับรู้ถึงความจําเป็นในการมองระยะยาว และรวมการพิจารณา ESG เข้ากับการตัดสินใจลงทุน

แนวโน้มนี้ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการรวมถึงความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จํานวนคนรุ่นมิลเลนเนียลที่สนใจในการลงทุนอย่างยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น และแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากหน่วยงานกํากับดูแลให้คํานึงถึงปัจจัย ESG

หลักฐานที่เพิ่มสูงขึ้นแสดงให้เห็นว่าบริษัทที่มีอันดับ ESG ที่แข็งแกร่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าบริษัทที่มีเรตติ้งอ่อนแอกว่า ทําให้การลงทุน ESG เป็นการตัดสินใจทางการเงินที่ดีและมีความรับผิดชอบทางศีลธรรม ไม่ว่าจะขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจทางการเงินหรือความปรารถนาที่จะทําดี โมเมนตัมการเปลี่ยนแปลงไปสู่การลงทุน ESG กําลังสูงขึ้น และมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

4. การเพิ่มขึ้นของการรายงาน
ทางดิจิทัล

การรายงานแบบดิจิทัลเป็นหนึ่งในแนวโน้ม ESG สําคัญที่สุดที่ต้องจับตามองในอังกฤษ ด้วยการถือกําเนิดของเทคโนโลยีใหม่ ๆ บริษัทต่าง ๆ สามารถรวบรวมและรายงานข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและธรรมาภิบาลได้มากขึ้น นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อทําการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลมากขึ้นว่าจะจัดสรรเงินทุนไปที่ใด นี่เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดสําหรับบริษัทต่าง ๆ ในการแบ่งปันข้อมูล ESG กับนักลงทุน และแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อบริษัทจํานวนมากขึ้นนําแนวทางปฏิบัติในการรายงานดิจิทัลมาใช้

5.การแพร่กระจายของความเสี่ยง
ที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ

ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศคือ ความเสี่ยงที่ธุรกิจจะเผชิญผลขาดทุนทางการเงินเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น ธุรกิจต่าง ๆ จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นเช่นเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง การขาดแคลนน้ํา และความเสียหายของผลผลิต เพื่อป้องกันตนเองจากความเสี่ยงเหล่านี้ธุรกิจจะต้องรวมความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเข้ากับกระบวนการตัดสินใจของพวกเขา

นี่เป็นแนวโน้มที่จะเร่งตัวขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจึงคาดว่าจะเห็นธุรกิจจํานวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ก้าวไปข้างหน้าในการปกป้องตนเองจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ วิธีหนึ่งที่ทําได้คือ ใช้การวิเคราะห์สถานการณ์สภาพภูมิอากาศเพื่อจําลองสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการดําเนินธุรกิจ ด้วยวิธีนี้ธุรกิจสามารถระบุความเสี่ยงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และดําเนินการตามขั้นตอนเพื่อบรรเทาความเสี่ยงเหล่านั้น

นักลงทุนยังคํานึงถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศมากขึ้นในการตัดสินใจลงทุน พวกเขาพิจารณาปัจจัยนี้เพื่อระบุ ถึงความพร้อมของบริษัทในการจัดการความเสี่ยง และโอกาสที่จะเผชิญผลกระทบของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยความเชื่อว่าแนวโน้มนี้จะยังคงมีต่อไปเมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนมากขึ้น

6. การเติบโตของคุณภาพ
การวิเคราะห์ข้อมูล ESG

คุณภาพของข้อมูลเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มสําคัญที่น่าจับตามองในเรื่องเกี่ยวกับ ESG ในอังกฤษ เนื่องจากข้อกําหนดในการรายงานมีความเข้มงวดมากขึ้นนักลงทุนจึงให้ความสําคัญกับคุณภาพของข้อมูลที่ถูกรายงานมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นได้

นอกเหนือจากแนวทาง “เน้นแต่เรื่อง Green” ที่มีบทบาทสูงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จุดสนใจส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องผลกระทบทางสังคมของการลงทุน เช่น การละเมิดสิทธิแรงงาน และการละเมิดสิทธิมนุษยชน การให้รายละเอียดผลการดําเนินงานทางสังคมของบริษัทอย่างเที่ยงตรง เป็นปัจจัยสําคัญที่จะได้รับความไว้วางใจจากทั้งนักลงทุนและผู้บริโภค

7.การทํางานจากที่บ้าน
กลายเป็น Net Zero ใหม่

การระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสได้เปลี่ยนวิธีทํางาน และมีแนวโน้มว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องถาวร การทํางานจากที่บ้านกลายเป็นความปกติใหม่สําหรับคนจํานวนมาก แนวโน้มนี้ยังคงดําเนินต่อไปแม้การระบาดใหญ่จะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดพื้นที่สํานักงานและการปล่อยมลพิษจากการเดินทางเท่านั้น แต่ยังให้ประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ประสิทธิภาพการทํางานที่เพิ่มขึ้น พัฒนาเรื่อง work-life balance ด้วย

การเพิ่มขึ้นของการทํางานที่ยืดหยุ่น ทำให้การทํางานจากที่บ้านไม่ใช่สิทธิพิเศษที่สงวนไว้เฉพาะพนักงานอาวุโสอีกต่อไป เพราะมันช่วยให้พนักงานมี work-life balance ที่ดีขึ้น ทำให้พวกเขาดูแลภาระส่วนตัวได้ โดยไม่ต้องคิดว่าจะสละชีวิตส่วนตัวหรืองาน เมื่อคนจํานวนมากขึ้นยอมรับ ทางเลือกการทํางานจากที่บ้านจึงกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ ESG อันดับต้น ๆ

8.ผลกระทบของปัจจัย ESG
ต่อห่วงโซ่อุปทาน

ขณะที่การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ยังคงทําลายล้างโลก ธุรกิจต่างๆจึงถูกบังคับให้ประเมินห่วงโซ่อุปทานของตนอีกครั้ง การระบาดใหญ่เน้นย้ำถึงความสําคัญของการมีห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น ซึ่งสามารถทนต่อการ Disrupt นอกเหนือจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เพื่อป้องกันตัวเองจาก Disruption ในอนาคต ธุรกิจต่าง ๆ กําลังมองหาซัพพลายเออร์ที่มีนโยบาย ESG ที่แข็งแกร่ง นโยบายเหล่านี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Disruption ของห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งพัฒนาเรื่องความยั่งยืนในภาพรวม อีกประการหนึ่งคือการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของตัวเลือกการขนส่งที่แตกต่างกัน และเลือกตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และในที่สุดบริษัทต่าง ๆ มีแนวโน้มจะทํางานกับซัพพลายเออร์ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้นด้วยการมุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรที่เพิ่มขึ้น เราคาดหวังว่าธุรกิจต่าง ๆ จะจัดลําดับความสําคัญของห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนและเชื่อถือได้

ที่มา

 

You Might Also Like