ตุลาคม 14,2025…ในวันที่ “ขยะ” ไม่ได้เป็นเพียงของเหลือใช้ แต่คือทรัพยากรที่มีมูลค่า ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สามารถเริ่มต้นได้จากพื้นที่เล็ก ๆ ที่มีหัวใจใหญ่ อย่าง “ตำบลมาบยางพร” จังหวัดระยอง
ยศยุต สหวัชรินทร์ รองประธานบริหารอาวุโสฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และบรรษัทสัมพันธ์ วิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย รองประธานบริหารฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด และอภิชาติ เงินท้วม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางร่วมกันกล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค, องค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร, และ ชุมชนในพื้นที่ เกิดเป็น “สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล” จุดรับซื้อที่ทำหน้าที่มากกว่าแค่แหล่งรวบรวมขยะ แต่คือ “ศูนย์เรียนรู้” ที่พลิกมุมมองของชาวบ้านต่อสิ่งที่เคยถูกมองว่าไร้ค่า
การเลือกตำบลมาบยางพร จังหวัดระยอง เป็นพื้นที่นำร่อง เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้โรงงานผลิตเครื่องดื่มของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค และเป็นพื้นที่ที่มีองค์ประกอบครบถ้วนในห่วงโซ่บรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้บริโภค ผู้คัดแยก ไปจนถึงโรงงานรีไซเคิล
“ในพื้นที่ที่เคยต้องรับภาระขยะวันละกว่า 9 ตัน วันนี้ขยะจำนวนหนึ่งถูกคัดแยกและขายต่อได้ราคาสูงขึ้น ขวด PET ที่เคยขายได้เพียง 2–3 บาทต่อกิโล ถูกแปรมูลค่าขึ้นถึง 7–13 บาทต่อกิโล ผ่านความรู้เรื่องการคัดแยกที่ถูกต้องและการดูแลให้สะอาดมากขึ้น น้ำมันพืชใช้แล้วที่เคยทิ้งกลายเป็นรายได้ใหม่ให้ครัวเรือน และกระป๋องอลูมิเนียมถูกแยกออกจากเหล็กเพื่อขายได้ราคาดีกว่าเดิม”
Circular Economy เริ่มได้จาก “คนตัวเล็ก”วิภาวรรณขยายความต่อเนื่องว่า หัวใจของโครงการไม่ได้อยู่ที่งบประมาณ 5 แสนบาทที่บริษัทลงทุนเพื่อสร้างสถานี หากแต่อยู่ที่ “ความร่วมมือ” ระหว่างคนในชุมชนอย่าง “พี่เกด” และ “ป้าเต๋า” ที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการสถานีด้วยความภูมิใจ ทำหน้าที่ทั้งรับซื้อ คัดแยก และให้ความรู้กับเพื่อนบ้าน หากจะกล่าวว่าเป็นการเทรน เดอะเทรนเนอร์คงไม่ผิดนัก
ทั้งนี้ “พี่เกด” และ “ป้าเต๋า” กล่าวถึงรายได้ของชาวบ้านเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จาก 100 บาทต่อเดือนเป็น 300–400 บาทต่อครั้ง ขณะที่ อบต.สามารถลดปริมาณขยะฝังกลบลงได้ราว 2 ตันต่อวัน ตัวเลขเล็ก ๆ ที่สะท้อนผลลัพธ์ใหญ่ของการเปลี่ยนพฤติกรรม
การเริ่มจากคนตัวเล็ก ขับเคลื่อนผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่
1.การซื้อขายขยะรีไซเคิล รับซื้อขยะหลากหลายประเภท เช่น ขวดพลาสติก PET ขวดแก้ว กระป๋องอะลูมิเนียม กล่องกระดาษ และน้ำมันพืชใช้แล้ว พร้อมทั้งพัฒนาตัวแทนชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานีฯ
2.การให้ความรู้ ถ่ายทอดเทคนิคการคัดแยกขยะเพื่อเพิ่มมูลค่าแก่คนในชุมชน และจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปให้นักเรียนในพื้นที่กว่า 200 คน เพื่อปลูกฝังแนวคิดเรื่องการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง
3.การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และกระตุ้นการมีส่วนร่วมจากคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ต้นแบบ Circular Model จากระยองสู่อนาคตระยองไม่ใช่เพียงจังหวัดอุตสาหกรรมและท่องเที่ยว แต่คือพื้นที่ต้นแบบของ “ห่วงโซ่คุณค่าบรรจุภัณฑ์” ที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ไปจนถึงโรงงานรีไซเคิลเกรดอาหารอย่าง Envicco ในกลุ่ม GC ซึ่งสามารถเปลี่ยนขวด PET ที่ชุมชนคัดแยกแล้วให้กลับมาเป็น ขวด rPET 100%
“ขวด rPET 100% เป็นวัสดุที่ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เป็นบริษัทแรกในไทยที่นำมาใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเกือบ 20 SKU ตั้งแต่ปี 2566 แม้ต้นทุนขวด rPET ยังสูงกว่าขวด PET ปกติราว 20–30% แต่บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะใช้ขวด rPET อย่างต่อเนื่องโดยไม่ปรับขึ้นราคาสินค้า”
วิภาวรรณกล่าวต่อ ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ใช้ขวด rPET มีมากกว่า 20 SKUs ประกอบด้วย Pepsi และ Pepsi Zero Sugar: 550 ml, 1 L, 1.25 L, 1.26 L, 1.45 L, 1.49 L และ 1.50L นอกจากนี้ TEA+ 5 รสชาติ 2 ขนาด: 490 และ 500 ml
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมมือกับ GC เพื่อพัฒนานวัตกรรมฝาขวดน้ำหนักเบา (Lightweight Caps Design 26/22) ผลิตจากพลาสติก HDPE คุณภาพสูง ที่ลดการใช้พลาสติกลงถึง 16% % จาก 2.15 กรัม เหลือเพียง 1.80 กรัมต่อฝา อีกทั้งยังยกเลิกการพิมพ์สีโลโก้บนฝา เพื่อลดการปล่อย CO₂ และทำให้การรีไซเคิลง่ายขึ้น
จากของทิ้ง สู่ระบบเศรษฐกิจสีเขียว“สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล” สำหรับซันโทรี่ เป๊ปซี่โค นี่ไม่ใช่ CSR ที่จบลงในรายงาน แต่คือโมเดล “Sustainability in Action” ที่ตั้งใจขยายผลสู่พื้นที่อื่น ๆ เช่น สระบุรี ซึ่งบริษัทมีโรงงานที่นั่น บริษัทตั้งเป้าหมายระยะยาวคือการพัฒนาให้สถานีรีไซเคิลกลายเป็น วิสาหกิจชุมชน ที่บริหารจัดการได้ด้วยตนเอง และขายขยะรีไซเคิลโดยตรงให้กับโรงงานเพื่อเพิ่มมูลค่า หากไม่มีการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง โครงการก็ไม่สามารถดำเนินไปได้
สิ่งที่เริ่มจาก “ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่” จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรใหม่ วงจรที่ชุมชนเป็นเจ้าของ และธุรกิจเป็นแรงขับเคลื่อน เพื่อให้ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หมุนจริงในทุกระดับของสังคมไทย








