ALTERNATIVE

World Environment Day 2022 เรามี #โลกเพียงใบเดียว อยู่อย่างยั่งยืนกลมกลืนกับธรรมชาติ

3-5 มิถุนายน 2565…ในจักรวาลมีกาแล็กซีหลายพันล้านแห่ง ในกาแล็กซี่ของเรามีดาวเคราะห์หลายพันล้านดวง แต่มีเพียงโลกเดียว แคมเปญวันสิ่งแวดล้อมโลก 2022 #OnlyOneEarth เรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก เพื่อปกป้อง และฟื้นฟูโลกของเรา

ภายใต้ #OnlyOneEarth 2022 เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นภาคธุรกิจหลายองค์กร หลายแบรนด์ ในประเทศไทย ซึ่งมี Commitment ในการดำเนินงานทางธุรกิจเพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อปกป้อง และฟื้นฟูโลกของเราอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความเข้มข้นในนโยบายทางธุรกิจ จนกระทั่งกลายเป็นไลฟ์สไตล์ในการทำงาน รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ บริการใหม่ ๆ ขาดมุมมอง #OnlyOneEarth ไม่ได้เลย จะเรียกว่าเป็น Mindset ของคนในองค์กรนั้น ๆ คงไม่ผิดนัก

ตัวอย่างบริษัทที่เดินหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เช่น SCGC,Lotus,Amway,Index Living Mall,CENTRAL PATTANA

SCGC ส่งต่อโมเดล “2 สร้าง 2 เก็บ”
สร้างชุมชนคนน้ำดี สู้ภัยแล้ง

น้ำทิพย์ สำเภาประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารแบรนด์และกิจการเพื่อสังคม เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC เล่าถึงการจัดการน้ำชุมชนว่า

“ชุมชนในหลายพื้นที่ยังเผชิญกับปัญหาน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม หรือน้ำแล้ง SCGC ตระหนักดีว่า น้ำคือชีวิต เราจึงนำแนวคิดการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนสู่ชุมชน โดยเริ่มต้นที่ชุมชนรอบเขายายดา จ.ระยอง เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ปราชญ์ชุมชน SCGC และหน่วยงานราชการ นานกว่า 10 ปี เพื่อคิดหาวิธีฟื้นฟูผืนป่าและแหล่งน้ำชุมชน โดยมีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกวก.) ร่วมนำงานวิจัยท้องถิ่นประยุกต์ต่อยอดกับความรู้ภูมิปัญญาแบบดั้งเดิม เกิดเป็นองค์ความรู้การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนฉบับชุมชน ภายใต้แนวคิด ‘เก็บน้ำดี มีน้ำใช้’ ด้วยโมเดลการจัดการน้ำ “2 สร้าง 2 เก็บ” เน้นให้ชุมชนพึ่งพาตนเองด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยท้องถิ่นเพื่อนำข้อมูลมาใช้ทำแผนจัดการน้ำในระดับชุมชน พร้อมส่งต่อองค์ความรู้จากชุมชนสู่ชุมชน จากรุ่นสู่รุ่น สร้างชุมชนคนน้ำดี เพื่อความยั่งยืน”

ชุมชนบ้านมาบจันทร์ หนึ่งในชุมชนที่อยู่รอบเขายายดา ร่วมกับ SCGC ถอดบทเรียน “10 ปี กับการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ฉบับชุมชน” เพื่อเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของการบริหารจัดการน้ำระดับชุมชนอย่างเป็นระบบ อันนำมาซึ่งความยั่งยืนทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และ ESG (Environmental, Social, Governance: ESG)

ผู้ใหญ่วันดี อินทรพรม ผู้ใหญ่บ้านหมู่7บ้านมาบจันทร์ อธิบายผังน้ำ เรียนรู้การเก็บข้อมูลน้ำ วัดค่าน้ำฝน สูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จากสระหลวง จนกระทั่งเกิดอ่างเก็บน้ำห้วยหินดาด เขายายดา



ผู้ใหญ่วันดี อินทรพรม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านมาบจันทร์ กล่าวถึงทีมงานของ SCGC เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเราเหมือนเป็นพี่น้อง สอนลูกบ้านเราให้รู้จักความสำคัญของการเก็บข้อมูลเพื่อบริหารจัดการน้ำ เก็บน้ำดี มีน้ำใช้’ ด้วยโมเดล 2 สร้าง 2 เก็บ 4 ปัจจัยหลัก คือ
 1.สร้างคน รวมพลังสร้างกลุ่มแกนนำที่ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เสียสละ กล้าตัดสินใจ บนพื้นฐานของการรับฟังความคิดเห็น
 2.สร้างกติกา ตั้งกติกาการใช้น้ำของชุมชนบนพื้นฐานของการเกื้อกูลและความเข้าใจ
 3.เก็บน้ำ เก็บน้ำในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ด้วยการฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำ และแหล่งเก็บน้ำของชุมชน เก็บน้ำไว้ให้มีใช้ในหน้าแล้ง นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม
 4.เก็บข้อมูล เก็บข้อมูลต้นทุนน้ำ เพื่อนำมาวิเคราะห์ทำนายสถานการณ์น้ำในอนาคตได้อย่างแม่นยำ พร้อมหาแนวทางการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของความรู้ข้อเท็จจริง แทนการคาดเดาตามความรู้สึก

สินค้าแบรนด์โลตัส
ยกเลิกบรรจุภัณฑ์ที่ยากต่อการรีไซเคิลครบ 100% แล้ว

สลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จในการยกเลิกการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยากต่อการรีไซเคิล (hard-to-recycle materials) สำหรับสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ของโลตัสในหมวดหมู่สินค้าอาหารสดและสินค้าอุปโภค ครบทุกรายการ 100% นับเป็นจำนวนสินค้ารวม 4,520 รายการ เร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี ค.ศ. 2025 และจะเดินหน้าเลิกใช้วัสดุที่ยากต่อการรีไซเคิลในสินค้ากลุ่มที่เหลือให้สำเร็จภายในกรอบระยะเวลาที่วางไว้

“เรื่องนี้ โลตัสทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิตสินค้าแบรนด์โลตัส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ SME ไทย ในการเปลี่ยนชนิดบรรจุภัณฑ์จากวัสดุต้องห้ามเป็นใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ โดยจากความทุ่มเทของทีมงานโลตัส เรามีความคืบหน้าที่ดีมากกว่าแผนงานที่วางไว้ ณ ปัจจุบันเราสามารถยกเลิกการใช้วัสดุที่ยากต่อการรีไซเคิลได้ครบ 100% ของหมวดหมู่สินค้าอาหารสดและสินค้าอุปโภค ซึ่งเป็น 2 หมวดหมู่ที่มีจำนวนสินค้าแบรนด์ของโลตัส รวมกัน 4,520 รายการ นับเป็นความสำเร็จก่อนเป้าหมายที่วางไว้ถึง 3 ปี”

โลตัส ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าในการเปลี่ยนวัสดุบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอีกเพียง 180 รายการ ในหมวดหมู่อาหารแห้งและของใช้ในครัวเรือน โดยจะร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนานวัตกรรมและวัสดุทดแทน ที่จะสามารถนำมาใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์สินค้าของเรา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายบรรจุภัณฑ์ที่ยังยืนของโลตัส และมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutral ภายในปี 2030 ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ต่อไป

 

Amway Go Green Together
ส่งแคมเปญ ReBag

กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แบรนด์ที่ตอบโจทย์คนยุคนี้ ‘สินค้าต้องดีและยั่งยืน’ภายใต้โครงการ Amway Go Green Together ที่เน้นคอนเซปต์ 3 R ได้แก่ Reuse Reduce Recycle และในปีนี้ แอมเวย์ได้เปิดตัว ‘ReBag’ เชิญชวนให้นักธุรกิจแอมเวย์ สมาชิก และผู้บริโภคทั่วไป ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลก เพียงนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกของแอมเวย์มาคืนที่แอมเวย์ ช็อป ทั่วประเทศ เพื่อนำมารีไซเคิลเป็นส่วนผสมในการผลิตถุงพลาสติกใช้ซ้ำ โดยถุง ReBag ของแอมเวย์มีความรักษ์โลกใน 3 มุม ได้แก่

-มีส่วนผสมพลาสติกจากบรรจุภัณฑ์ของแอมเวย์ ช่วยลดขยะจากบรรจุภัณฑ์เปล่า
-50% ของพลาสติกที่ใช้ผลิตเป็นพลาสติกรีไซเคิล จึงช่วยลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่
-ReBag นี้ยังนำไปรีไซเคิลต่อได้อีก ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า

พร้อมกันนี้ ยืนหยัดเคียงข้างสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง (Eco Friendship)

แอมเวย์โกลบอลก็มีความใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ โดยในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำล้วนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น ได้แก่
-ใส่ใจปลูก (Plant) แอมเวย์มีฟาร์มออร์แกนิคเป็นของตัวเอง โดยมีพื้นที่กว่า 15,000 ไร่ ใน 3 ประเทศ ซึ่งเพาะปลูกด้วยวิธี regenerative farming ที่ดูแลดินให้อุดมสมบูรณ์เสมอ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาได้ (Traceability)
-ใส่ใจผลิต (Product) ผลิตภัณฑ์แอมเวย์เน้นใช้ส่วนผสมหลักจากพืชธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์จะเน้นการใช้ส่วนผสมหลักจากฟาร์มออร์แกนิค ส่วนเครื่องสำอางอาร์ทิสทรี สกิน นิวทริชั่น ใช้หลักการ clean beauty ที่จะไม่ใช้ส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ไม่มีส่วนผสมที่มาจากสัตว์และไม่มีการทดลองกับสัตว์ โดยได้รับการรับรองจาก Vegan Society และในส่วนของผลิตภัณฑ์แอมเวย์ โฮม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์สูตรเข้มข้น ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์เกือบ 100% ของแอมเวย์ สามารถนำมารีไซเคิลได้
-ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Operation) กระบวนการผลิตของแอมเวย์จะเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น มีการใช้พลังงานทางเลือก (พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์) 40%, มีการนำวัสดุเหลือไปรีไซเคิลกว่า 95%, ลดการใช้น้ำได้ 3.5%, ลดการใช้พลังงานได้ 35%, ลดขยะมูลฝอยได้ 10% และลดก๊าซเรือนกระจกได้ 41%

“แอมเวย์มุ่งเป็นแบรนด์ที่ผลิตสินค้าคุณภาพ มีมาตรฐานระดับโลก เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคสูงสุด และจะยึดมั่นในการเป็นแบรนด์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อโลก เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ และตอบโจทย์ความต้องการให้กับผู้บริโภคในทุกยุคสมัย” 
กิจธวัช กล่าวสรุป

 

อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ KickOff
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 8,339.491 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้วยแนวคิด Sustainable Living for Future Lifestyle ซึ่งประสบผลสำเร็จเริ่มต้นจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวด้วยการติดตั้งระบบพลังงานไฟฟ้าจาก Solar Rooftop 15 แห่ง การคัดแยกขยะรีไซเคิล นำเศษไม้ปาร์ติเกิ้ลจากการผลิดเฟอร์นิเจอร์, กล่องกระดาษ และกระดาษลัง เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล และการนำขยะอินทรีย์ประเภทเศษอาหารไปใช้เป็นอาหารสัตว์

อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สินค้า House Brand ในหมวด Mattress (ที่นอน) โดยปรับบรรจุภัณฑ์จากเดิมที่เป็น Flat pack เปลี่ยนเป็นแบบ Compress Rolling ให้มีขนาดเล็กรูปแบบ “Bedinbox” ที่นอนบรรจุในกล่อง ให้มีขนาดที่กะทัดรัดช่วยประหยัดกระบวนการขนส่ง สามารถบรรจุสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นได้ถึง 5 เท่า ช่วยลดปริมาณเที่ยวการขนส่งสินค้าจาก 5 เที่ยวเป็น 1 เที่ยว ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงอีกทาง โดย Packing แบบ Compress Rolling คิดเป็น 29% ของกลุ่มสินค้าที่นอนทั้งหมด นอกจากนี้ยังจะพัฒนาการปรับดีไซน์บรรจุภัณฑ์โดยใช้หมึกสีเดียวพิมพ์ลงบนกระดาษลังแบบรีไซเคิล ลดการทำสีและเคลือบผิว เพื่อให้สามารถนำบรรจุภัณฑ์ไปรีไซเคิลและลดปัญหาการก่อเกิดขยะด้วย

นอกจากนี้ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ “ไม้จริง” โดยการชุบชีวิตไม้สักเก่ามา Upcycle ให้เเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบความสวยงาม แข็งแรง-ทนทานของเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง โดยเป็นกลุ่ม Dining เช่น โต๊ะ, เก้าอี้, สตูล ซึ่งเตรียมจำหน่ายปลายไตรมาส 2 อีกทั้งนำสินค้ากลุ่มของใช้ภายในบ้าน “Eco Friendly” ที่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ผลิตด้วยวัสดุธรรมชาติเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ได้แก่ งานไม้กลุ่มสินค้า Home solution อาทิ ตะกร้า ไม้แขวนเสื้อ กล่องเก็บของ ถังขยะ ชั้นวางของ ราวแขวนผ้า โต๊ะข้าง และวัสดุจากพลาสติกพีพี ฟางข้าวสาลี และไม้ ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ในสินค้ากลุ่ม Kitchen อาทิ กล่องใส่อาหาร, ชุดกล่องถนอมอาหาร, ถาดเสิร์ฟ, แก้วน้ำ, ชุดมีดพร้อมฐานรอง ภาชนะและอุปกรณ์ในครัว เป็นต้น

“นับเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีจากสินค้าและบริการ, สร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยความรับผิดชอบ รวมถึงการส่งต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีสู่สังคมอย่างยั่งยืน”  กฤษชนก กล่าวตอนท้าย

 

เซ็นทรัลพัฒนา ส่งเสริมสร้างไลฟ์สไตล์รักษ์โลก
@ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ

นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง และ ฝ่ายบริหารความเป็นเลิศและการพัฒนาที่ยั่งยืนของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง การส่งเสริมสร้างไลฟ์สไตล์รักษ์โลก ภายใต้การตั้งเป้า Net Zero Carbon Emission ให้ได้ในปี 2050

“เราสานต่อแนวคิด Journey to Net Zero และ เจตนารมณ์ของแบรนด์ Imagining better futures for all จึงส่งเสริมลูกค้าสายรักษ์โลก เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั่วประเทศ และในโอกาสครบรอบ 40 ปี ได้แจกฟรี กล้าไม้ 40,000 ต้นให้กับลูกค้าเพื่อสร้างพื้นที่เขียว โดยเริ่มแจกวันแรกตั้งแต่ 17 มิ.ย. เป็นต้นไป พร้อมเชิญชวนร่วมกิจกรรมไฮไลท์ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ส่งเสริมอีโคไลฟ์สไตล์เจอร์นีย์ รับคะแนน The 1 เพิ่มทันที 40 คะแนน เมื่อใช้บริการในแต่ละสเตชั่น และ เตรียมแจกคะแนน The 1 เพิ่ม เมื่อร่วมช้อปในกลุ่มแบรนด์รักษ์โลกในโซนศูนย์การค้าจากแบรนด์ชั้นนำ และ ร่วมบริจาคเสื้อผ้าไม่ใช่แล้ว ผ่านจุดทิ้งดี ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั่วประเทศ ตลอดเดือนมิถุนายน เดือนแห่งวันสิ่งแวดล้อมโลก”


ล่าสุด ศูนย์การค้าได้เปิดตัว FARMLAB (ฟาร์มแล็บ) พื้นที่สีเขียวแห่งการสร้างสรรค์ บน SKYRUN ชั้น 3 ของศูนย์การค้า โดยจับมือร่วมกับบริษัท ยิบอินซอย จํากัด (YIP IN TSOI), มาดีรักษ์ (MA DELUX), INNORCHARD, ฟาร์ม-เล็ก-เล็ก ลุงเช็คปลูกผัก และเนรมิตรเกษตร ในการสร้างสังคม Wellness community โดยเนรมิตพื้นที่กว่า 400 ตารางเมตร บนดาดฟ้า เป็นแหล่งพักผ่อนในเมืองที่สร้างแรงบันดาลใจภายใต้แนวคิด “พื้นที่แห่งคุณค่าร่วม (Shared Value Space)” แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่จับต้องได้ เป็นไปได้จริง ผ่านชีวิตประจำวัน พร้อมกิจกรรมโดยจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มิถุนายน 2565 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป มอบสิทธิพิเศษ สำหรับผู้ที่มาลงทะเบียนเข้าร่วมงาน เพียงพกถุงผ้า แก้วน้ำ และภาชนะใส่อาหารมาเอง พร้อมช้อปภายในงาน รับคะแนน The 1 100 คะแนน (จำกัด 200 ท่านแรก)

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทอสังหาฯ หนึ่งเดียวในไทยที่เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และ DJSI Emerging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8

You Might Also Like