กันยายน 27,2025…โครงการ “พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้” เดือนกันยายน 2568 ถึงเดือนมิถุนายน 2569 ซึ่งกำลังพิสูจน์ว่าเศรษฐกิจหมุนเวียนเกิดขึ้นจริงได้ที่ 14 จังหวัดภาคใต้ โดยชุมชน–ซาเล้งมีส่วนร่วมและได้รายได้เพิ่ม โครงการ “พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้” ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2568 ไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2569
พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) ดร.เศกสันต์ อุดมศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อ๊อกซิเทค จำกัด และธัชวัช เตชะมงคลจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล จำกัด ร่วมกัน Kick Off โครงการ“พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้” หรือ “Southern Recycling Alliance” ที่นำระบบโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) มาใช้ในการเก็บขวดพลาสติก PET ใช้แล้วเพื่อผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (rPET) และนำกลับมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอีกครั้ง (Bottle-to-Bottle Recycling)
นับเป็นการริเริ่มจัดทำโครงการในลักษณะนี้เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในประเทศไทยและของธุรกิจ “โคคา-โคล่า” ทั่วโลก ตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนและการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Bottle-to-Bottle Recycling ในโครงการเดียว นำระบบโลจิสติกส์ย้อนกลับมาใช้ โดยเริ่มจากที่ อ๊อกซิเทค ทำหน้าที่รับซื้อขวดพลาสติก PET จากผู้เก็บและผู้รับซื้อในท้องถิ่นของภาคใต้ นำมาคัดแยกล้างทำความสะอาดและบดเป็นเกล็ดพลาสติก PET (PET Flake) ตามคำสั่งซื้อและข้อกำหนดจากหาดทิพย์ จากนั้น หาดทิพย์จะขนส่งเกล็ดพลาสติก PET ใช้แล้วเหล่านี้ไปผลิตเป็นเม็ดพลาสติก rPET ที่โรงงานของ รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล ในจังหวัดนครปฐม ซึ่งได้คุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยทั้งของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ “โคคา-โคล่า” โดยเมื่อได้เม็ดพลาสติก rPET แล้ว หาดทิพย์จะนำกลับมาผลิตเป็นขวดเครื่องดื่มใหม่ ณ โรงงานพุนพิน จังหวัดสุราษฏร์ธานี เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่สดชื่นและปลอดภัยถึงมือผู้บริโภคอีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดถือเป็นกระบวนการรีไซเคิลจากขวด PET สู่ขวด rPET ที่ครบถ้วนในวงจรเดียวโดยความร่วมมือของสามบริษัทพันธมิตร ขับเคลื่อนแนวคิด ความรับผิดชอบของผู้ผลิต (EPR) และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในภูมิภาค
ห่วงโซ่มูลค่าจากชุมชนสู่โรงงาน
โครงการนี้สร้างห่วงโซ่การจัดการที่ครบวงจร เริ่มจากการมีส่วนร่วมของชุมชนและผู้บริโภคที่ได้รับแรงจูงใจในการคัดแยกขวด PET อย่างถูกต้อง ก่อนส่งต่อให้ซาเล้งและผู้รับซื้อรายย่อย ซึ่งได้รับการฝึกอบรมด้านการคัดแยกและการตั้งราคาที่โปร่งใส มีระบบลงทะเบียนติดตามตั้งแต่ต้นทาง และมีการจ่ายเพิ่มให้ชุมชน 1 บาทต่อกิโลกรัมสำหรับขวดที่คัดแยกแล้ว จากนั้นเจ้าสู่ระบบก่อนหลอมเป็นเม็ดพลาสติก Food Grade สำหรับใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่
ผลลัพธ์เชิงบวกและความท้าทาย
การใช้ rPET ช่วยลดการพึ่งพาปิโตรเคมี ลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และสร้าง “มูลค่าใหม่จากขยะ” ให้กลับคืนสู่ชุมชน ขณะที่ระบบโลจิสติกส์ของหาดทิพย์เข้ามาช่วยตรวจสอบซ้ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าขวดที่นำกลับมาผลิตใหม่นั้นมีที่มาที่โปร่งใส อย่างไรก็ตาม โครงการยังเผชิญความท้าทาย ทั้ง ต้นทุน rPET ที่สูงกว่า Virgin PET ราว 40% และข้อจำกัดด้านกฎหมายในไทยที่ยังไม่บังคับใช้พลาสติกรีไซเคิล โครงการนำร่องในพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างกันยายน 2566 – มิถุนายน 2567 ตั้งเป้าเก็บขวด PET มากกว่า 100 ตัน เพื่อนำมาผลิต rPET ในปริมาณเดียวกัน แม้ปัจจุบันหาดทิพย์ใช้ rPET เพียง 2% แต่มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วิสัยทัศน์ 2030 เป้าหมายระดับโลกสู่การลงมือระดับท้องถิ่น
หาดทิพย์ย้ำวิสัยทัศน์สอดคล้องกับเป้าหมายระดับโลกของโคคา-โคลา ในการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์คืน 100% และใช้คอนเทนต์รีไซเคิล 50% ภายในปี 2030 แม้เป้าหมายระดับโลกถูกปรับลด แต่หาดทิพย์ยังเลือกเดินหน้าเต็มกำลัง ด้วยการต่อยอดโครงการรีไซเคิลขวดแก้ว และขยายโมเดล Reverse Logistics ให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่า เศรษฐกิจหมุนเวียนไม่ใช่แค่คำสัญญา แต่คือการลงมือสร้างคุณค่าใหม่ให้กับชุมชน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจไทย
โครงการนำร่อง rPET ของหาดทิพย์และพันธมิตร คือกรณีศึกษาว่าความร่วมมือท้องถิ่นสามารถสร้างระบบหมุนเวียนที่เป็นรูปธรรมได้จริง เปลี่ยนขยะให้เป็นสินทรัพย์ ถึงชุมชน และเปลี่ยนวิกฤตพลาสติกให้เป็นโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจยั่งยืน