กรกฎาคม 22 ,2025….ในยุคที่โลกธุรกิจเปลี่ยนเร็วและท้าทายขึ้นทุกวัน สยามพิวรรธน์ ยังคงยืนหนึ่งในวงการค้าปลีก ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเกมขาด ผสานพลังพันธมิตรระดับโลก สร้างระบบนิเวศธุรกิจสร้างสรรค์ภายใต้กลยุทธ์ Co-Create and Collaborate ตอกย้ำพลังของความร่วมมือที่นำไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
เปลี่ยนศูนย์กลางเมือง…ให้กลายเป็นศูนย์กลางของแรงบันดาลใจที่ส่งต่อได้ทั่วโลก เพราะสยามพิวรรธน์ ผู้นำหัวแถวในวงการค้าปลีก ไม่ใช่เป็นเพียงเจ้าของและผู้พัฒนาแลนด์มาร์กระดับโลกอย่าง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยามเท่านั้น แต่คือการมองเกมขาด ตอกย้ำพลังของความร่วมมือ (Power of Partnership) ที่วางรากฐานความแข็งแกร่งสู่ความยั่งยืนในระยะยาวดังนี้
จับมือ Huawei
เชื่อมเอกสิทธ์สู่ Global Privilege Ecosystem

สยามพิวรรธน์จับมือกับ Huawei ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลก เปิดตัว ONESIAM Global Visitor Card ที่เป็นเหมือน “ดิจิทัลมาสเตอร์คีย์” คือการยกระดับอุตสาหกรรมค้าปลีก ร่วมขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวสู่ Global Privilege Ecosystem มอบเอกสิทธิ์เอ็กซ์คลูซีฟที่ตอบโจทย์ทุกช่วงจังหวะของการเดินทางให้กับลูกค้า Huawei เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง โดยสยามพิวรรธน์เป็นรีเทลไทยรายแรกและรายเดียวที่เชื่อมต่อระบบ HarmonyOS ของ Huawei ที่มีฐานผู้ใช้สมาร์ตโฟนกว่า 400 ล้านเครื่องทั่วประเทศจีน ร่วมปักหมุดประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว
ผนึก กฟน.
สร้างมาตรฐานใหม่ของโลกที่ยั่งยืน
สยามพิวรรธน์เป็นกลุ่มศูนย์การค้าแรกของไทยที่ลงนามกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในโครงการ Utility Green Tariff (UGT1) ซึ่งเป็นบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบไม่เจาะจงแหล่งที่มาพร้อมใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ทำให้สามารถใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 30% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการของสยามพิวรรธน์ในศูนย์การค้าสยามพารากอนและไอคอนสยาม ในปี 2025 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2026
ความร่วมมือครั้งใหญ่
ปลุกพลัง SMEs ไทยให้เข้มแข็ง
สยามพิวรรธน์ เปลี่ยนพื้นที่ศูนย์การค้าให้เป็น “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส (Opportunity Platform)” เปิดพื้นที่ที่ให้โอกาสผู้ประกอบการขนาดเล็ก ได้มีเวทีแสดงศักยภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
แนวคิดนี้ถูกต่อยอดผ่านการลงนามกับ 4 องค์กรใหญ่ คือ องค์การยูเนสโก (UNESCO), สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สร้างระบบนิเวศใหม่ที่เชื่อมโยงภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการเข้าด้วยกัน เสริมความแข็งแกร่งให้ทั้งศิลปิน ช่างฝีมือท้องถิ่น นักออกแบบ และผู้ประกอบการรายเล็ก ในทุกมิติทั้งในด้านองค์ความรู้ การตลาด พื้นที่และช่องทางจัดจำหน่าย
LOI ร่วมกับ UNESCO
สะท้อนศักยภาพเมืองสร้างสรรค์ไทย 7 จังหวัด
สยามพิวรรธน์ได้ลงนาม Letter of Intent กับ UNESCO และ SACIT ภายใต้โครงการ “UNESCO Creative Cities Network” เพื่อสนับสนุนภูมิปัญญาหัตถศิลป์จาก 7 จังหวัดเมืองสร้างสรรค์ของไทย ได้แก่ เชียงใหม่, กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, สุโขทัย, เชียงราย, เพชรบุรี และสุพรรณบุรี
MOU กับ SACIT
พัฒนาศักยภาพ “ครูศิลป์ของแผ่นดิน”
สยามพิวรรธน์และ SACIT มุ่งเน้นการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการ และการตลาดของช่างหัตถศิลป์ไทย ตั้งแต่ระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ทายาทผู้สืบทอดงานฝีมือ ไปจนถึงนักออกแบบรุ่นใหม่ ด้วยเป้าหมายในการพัฒนา “หัตถศิลป์ไทยให้เป็นอาชีพ” อย่างยั่งยืน ผ่านแพลตฟอร์มไอคอนคราฟต์ เพื่อเชื่อมต่อผู้ผลิตท้องถิ่นกับผู้บริโภคร่วมสมัย
MOU กับ CEA
ขับเคลื่อนไทยสู่ Creative Nation

ส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับ CEA คือการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Creative Nation ร่วมกันผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีมูลค่ากว่า 1.44 ล้านล้านบาท ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสยามพิวรรธน์ได้ร่วมมือกับ CEA มาแล้วหลายโครงการ ทั้งการสนับสนุนมหกรรมงานออกแบบกรุงเทพ และการเปิดพื้นที่ศูนย์การค้าให้เป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานของนักสร้างสรรค์ไทย สนับสนุนด้านองค์ความรู้ การบ่มเพาะแนวคิดทางธุรกิจและ วางรากฐานให้กับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย
MOU กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ยกระดับภูมิปัญญาล้านนา
โครงการ “มาเหนือ MAKE” คือการจับมือกันระหว่างสยามพิวรรธน์และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นล้านนา ส่งเสริมการพัฒนาแบรนด์ล้านนาสร้างสรรค์ (Creative Lanna) ผ่านการเปิดพื้นที่ในไอคอนคราฟต์ ไอคอนสยาม ต่อยอดหัตถศิลป์ท้องถิ่นและการออกแบบร่วมสมัย เชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ และรากเหง้าทางวัฒนธรรมและ คาดการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 450 ล้านบาทภายใน 3 ปี
การลงนามความร่วมมือดังกล่าว ถือเป็นการสร้าง “ระบบนิเวศธุรกิจสร้างสรรค์” ที่ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ต่อยอดภูมิปัญญาไทยด้วยนวัตกรรม และสร้างเวทีให้คนตัวเล็กได้มีโอกาสเติบโตบนระดับโลก ส่งเสริม “ผู้ประกอบการไทย” ให้เป็น Global Heroes ได้จริง ซึ่งนอกจาก ไอคอนคราฟต์ ยังมีพื้นที่แห่งโอกาสที่สยามพิวรรธน์ ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างๆอาทิ สุขสยาม และ Absolute Siam Store
นี่คือการสร้างโมเดลธุรกิจที่ผสานพลังของความร่วมมือของพันธมิตร เชื่อมจุดแข็งของแต่ละองค์กร ซึ่งไม่เพียงแต่เสริมศักยภาพทางธุรกิจ และสร้างพื้นที่ค้าขายเท่านั้น แต่ให้ “โอกาส” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคน เปลี่ยนอนาคตของธุรกิจ และเปลี่ยนศูนย์กลางเมือง…ให้กลายเป็นศูนย์กลางของแรงบันดาลใจที่ส่งต่อได้ทั่วโลก